Captivated Clumsy 09

“น้องอายคะ แน่ใจนะคะ ว่าไม่เป็นอะไร” หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อยและทุกคนกำลังเดินทางไปสวนสนุก แอมก็มักจะแอบสังเกตท่าทางที่ดูเปลี่ยนไปของสาวหน้าหวานที่นั่งข้างๆ จนเธออดไม่ไหวถามออกไปอีกจนได้
“อะเออ....ค่ะ....ไม่เป็นไร” อายสะดุ้งขณะที่ในหัวกลับนึกถึงแต่ร่างเพรียวที่เห็นเพียงแค่ด้านหลัง ที่เธอพยายามเท่าไรก็ไม่สามารถจะลืมได้ซักที

“พี่แอมเห็นน้องอายเอาแต่นั่งเงียบตั้งแต่อยู่ในร้านแล้ว แน่ใจนะคะว่าไม่เป็นไร” แอมอดกังวลไม่ได้ กลัวแม่สาวข้างๆกำลังคิดอะไรคนเดียวอีก
“ค่ะ อายแค่กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่พี่แอมอย่าสนใจเลยค่ะเรื่องไม่เป็นเรื่อง” อาคิราพูดในขณะที่สายตาเหม่อมองออกไปข้างนอกแทน พร้อมกับใบหน้าสวยๆของแพรวาที่ลอยเข้ามาวนเวียนอยู่ในจิตใจของเธออีกครั้ง
“เอาล่ะเด็กๆเตรียมตัวนะคะจะถึงแล้ว ใครอยากทำอะไรนึกเอาไว้แล้วหรือยัง” ดูเหมือนอาคิราไม่ต้องการจะให้เธอซักไซ้อะไรอีก แอมจึงเปลี่ยนเรื่องคุย เธอมองกระจกหลังถามเจ้าตัวจ้อยสองคนที่นั่งตาแป๋วฟังเรื่องที่เธอกำลังถามอา คิราอยู่
“สไลเดอร์ๆ” เจ้าข้าวตะโกนโวกเวกโวยวายบอกลั่น และเริ่มเถียงกับน้องเมย์ที่อยากจะนั่งม้าหมุนมากกว่า
“ค่าๆ”แอมอมยิ้มมองเจ้าตัวยุ่งสองคนเถียงกันเสียงดัง แล้วแอบปรายตามองแม่สาวจอมคิดมากที่นั่งข้างๆที่ดูจะไม่สนใจอะไรเอาเสียเลย แอมขมวดคิ้วสงสัยว่าเรื่องอะไรอีกกันนะที่ทำให้อาคิราเปลี่ยนไปได้ถึงขนาด นี้ จะเป็นเรื่องของเธออีกหรือเปล่า

“น้องอายนั่งรอที่นี่ก่อนนะคะ พี่แอมขอพาสองคนนี้ไปเปลี่ยนชุดก่อน” หลังจากมาถึงสวนสนุกและทั้งหมดเลือกจับจองที่นั่งสบายๆข้างทะเลจำลองขนาด ใหญ่แล้ว อาคิราก็ทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้เนื่อยๆ แอมพยายามจะชวนสาวหน้าหวานคุยทำโน้นทำนี่ แต่ปฏิกิริยาที่ตอบกลับมาไม่สะดุ้งตกใจก็เป็นเพียงรอยยิ้มเก้อๆที่ดูเหม่อ ลอย และดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรรอบตัว

“น้องอายคะ” แอมเรียกสาวหน้าหวานอีกครั้ง ขณะที่ปล่อยให้สองตัวแสบสนุกกับคลื่นน้ำจืดอยู่บริเวณนั้น
“คะ” เป็นอีกครั้งที่อาคิราตอบอย่างตกใจเหมือนหลุดจากภวังค์
“พี่แอมฝากดูสองคนนั้นแป๊บนะคะ เดียวพี่แอมไปซื้อตั๋วเครื่องเล่นเตรียมไว้ให้สองคนนั้นก่อน” แอมบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินไป
“ค่ะได้ค่ะ” อายยิ้มเก้อๆส่งให้ แล้วมองเจ้าหลานชายตัวดีที่กำลังเล่นสาดน้ำอยู่กับน้องเมย์อย่างสนุก
“มั่วทำบ้าอะไรอยู่นะเรา คิดอะไรอยู่” อาคิราพึมพำเธอนึก จะมามัวนึกถึงคนที่ไม่ใยดีเธออยู่ทำไม ทำไมต้องนึกถึง ทำไมแค่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใช่เธอคนนั้นหรือเปล่า ก็เป็นถึงขนาดนี้อาคิรานึกโมโหตัวเอง และพยายามฝืนยิ้มเหตุผลที่เธอมาที่นี่กับทุกๆคนเพื่อต้องการมาพักผ่อนไม่ใช่ เหรอ เธอนึกแล้วสะบัดหน้าแรงๆพยายามสลัดใบหน้าของแพรวาที่อยู่ในหัวออกให้ได้ หลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่ จึงตัดสินใจที่จะเดินออกไปหาเจ้าหลานชายที่กำลังเล่นสนุกอยู่แทน

“อาอายทางนี้ เล่นน้ำกัน” เจ้าข้าวยิ้มตาหยี พลางพยายามจะสาดน้ำใส่อาของตัวเอง
“ไม่เอา ไม่เล่นย่ะ ชั้นไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยน” อายตะโกนบอกเจ้าหลานชายตัวดีอยู่ข้างๆสระแทน
“จะขึ้นหรือยังนานแล้วนะข้าวเดียวไม่สบาย” หลังจากนั่งมองเจ้าหลานชายเล่นน้ำอยู่นาน อาคิราก็ลองเรียกเจ้าตัวดีดูอีกครั้ง
“ม่าอาว ข้าวจาเล่นอีก” เจ้าตัวดีตะโกนบอก แล้วรีบไต่ขึ้นไปบนสไลเดอร์ที่ต่อกับสระน้ำอย่างสนุกอีกครั้ง..
“ตามใจ ไม่สบายอย่ามาอ้อนล่ะ ชั้นจะสมน้ำหน้าซ้ำ” อาคิราตะโกนบอกแล้วเดินกลับไปนั่งรอที่โต๊ะตัวเดิม
“ทำไมพี่แอมไปนานนักนะ” อายบุ้ยปากพลางนึก แค่ไปซื้อตั๋วเครื่องเล่นทำไมแอมถึงหายไปนานนัก แล้วอาคิราก็เริ่มสวมวิญญาณยีราฟคอยื่นคอยาว พยายามมองหาร่างสูงเพรียวของหมอแอม
“มาแล้ว” อายยิ้ม เมื่อเห็นร่างเพรียวของแอมเดินมาแต่ไกล แต่เหมือนกับแอมกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ด้วย และก็ไม่ผิดอย่างที่เธอคิด ข้างๆของแอมมีหญิงสาวสวยเดินเคียงมาด้วย ทั้งสองคนกำลังคุยอะไรกันบางอย่างท่าทางดูสนุก อาคิราหุบยิ้มแทบในทันที ทำไมหมอแอมต้องยิ้มหวานแบบนั้นให้ผู้หญิงคนนั้นด้วย แล้วกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ทำไมท่าทางถึงดูสนุกสนานแล้วก็สนิทสนมถึงขนาด นั้น และที่สำคัญทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงต้องเกี่ยวแขนหมอแอมราวกับเป็นคู่รักกันแบบ นั้นด้วย

“มาแล้วค่ะ” แอมเอ่ยทักพร้อมส่งยิ้มให้อาคิรา แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์ของคนตัวเล็กคงกำลังไม่พอใจอย่างหนักนอกจากจะไม่พูดไม่ ยิ้มตอบแล้ว อาคิรายังแกล้งมองเมินเสียนี่ เล่นเอาแอมเกิดอาการงงเล็กๆว่าอาคิราเป็นอะไรไปอีก

“ขอโทษนะคะที่หายไปนาน พอดีเจอ...” แอมพยายามจะพูดให้คนตัวเล็กหันมาสนใจ และลังเลว่าควรจะพูดอะไรต่อดีมั้ย อาคิราปรายหางตามามองเพียงเล็กน้อยและเริ่มมองสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างๆหมอแอ มรวมถึงแขนของแขกแปลกหน้าที่ยังเกาะแขน หมอแอมไม่ยอมปล่อยนั้นด้วย
“..ฟ้าค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างให้ด้วยความเป็นมิตร
“ฟ้านี่น้องอายที่พี่แอมเล่าให้ฟังเมื่อกี้ไงคะ..แล้วก็น้องอายคะ นี่ฟ้าค่ะ รุ่นน้องพี่แอมตอนพี่แอมเรียนหมอ ไปต่อโทที่เมกาเพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันเองค่ะ” แอมยิ้มอธิบายสั้นๆท่าทางดีใจให้อาคิราที่ยังคงตีสีหน้าเหมือนไม่สนใจอะไร ฟัง
“ค่ะ” อาคิราตอบสั้นๆแผลงฤทธิ์หน้างุ้ม อีกแล้ว
“อะ เอ่อ” แอมพูดอะไรต่อไม่ถูก เธอเดาอารมณ์ของแม่สาวขี้งอนคนนี้ไม่ถูกจริงๆ ตะกี้ยังนั่งเหม่อทำท่าซังกะตาย อยู่ดีๆก็เปลี่ยนมาเป็นสาวเจ้าอารมณ์เสียแล้ว
“ฟ้าว่า....ฟ้าขอตัวก่อนดีกว่ามั้งคะ” ไม่ต่างกันกับสาวสวยที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกเธอเริ่มรู้สึกว่าผู้หญิง หน้าหวานคนนี้กำลังไม่พอใจอะไรเธออยู่แน่ๆ เธอเองก็เป็นอีกคนที่แทบจะหุบยิ้มตามหมอแอมไม่ทัน
“ฟ้าไม่ได้รีบไปไหนไม่ใช่เหรอ อยู่คุยกับพี่ก่อนก็ได้ไม่ได้เจอกันตั้งนาน มีเรื่องอยากเล่าให้ฟังตั้งเยอะ” แอมยิ้มให้แล้วฉุดแขนของ หญิงสาวที่เหมือนลังเลว่าควรจะอยู่ต่อดีมั้ยให้นั่งลงข้างๆเธอ
“แต่ว่า....” ฟ้าลังเล มองหน้าของสาวหน้าหวานที่นั่งถัดไป ที่พอเมื่อเธอมองเจ้าตัวก็รีบค้อนหลบสายตาเอาเสียอย่างนั้น

“นะคะ อยู่คุยเป็นเพื่อนพี่แอมก่อนพอดีมีบางคนเค้าคงไม่ค่อยอยากคุยกับพี่แอ มเท่าไรน่ะค่ะ ฟ้าอยู่คุยเป็นเพื่อนพี่แอมก่อนนะคะ” แอมพูดเสียงหวานอ้อนๆ เล่นเอาอาคิราหันควับมามองค้อนให้ ที่แอมพูดนั้นถ้าไม่ได้หมายถึงเธอก็คงจะไม่มีใครแล้วล่ะ
“ตามสบายนะคะ” อาคิราตอบเสียงห้วนสะบัดค้อนงามๆ แล้วลุกพรวด เดินปึงปังไปหาสองตัวแสบที่ยังเล่นน้ำกันอย่างสนุกแทน

“ข้าวขึ้นจากน้ำเดียวนี้” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เริ่มพาลอย่างมีปี่ไม่มีขลุ่ยเอากับเจ้าหลานชายตัวจ้อย ภาพที่หมอแอมพูดอ้อนเสียงหวานกับผู้หญิงแปลกหน้า ทำเอาเธอหงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆทั้งๆที่หมอแอมไม่ได้ทำอะไรขัดใจเธอแม้แต่ น้อย

“ไปอารมณ์บูดมาจากไหนอีกล่ะป้า” เจ้าข้าวเบ้แล้วหน้าตะโกนบอก อาการแบบนี้มีไม่กี่กรณี ไม่โดนขัดใจก็คงเป็นคนอื่นไม่ยอมตามใจ เจ้าตัวดีส่ายหน้าแล้วไม่สนใจ จนอาคิราที่ยืนตีหน้าบึ้งอยู่ริมสระ ถมึงตาเขียวใส่ เจ้าข้าวถึงรู้ว่าคราวนี้สงสัยจะอาการหนักจริงๆซะแล้ว

“ชั้นบอกให้ขึ้นมาเดียวนี้ จะขึ้นมาดีๆหรือจะให้ลงไปลาก” อาคิราตะโกนลั่น ยิ่งเมื่อหันไปมองด้านหลังเห็นคุณหมอคนสวยกำลังคุยและหัวเราะกับสาวสวยที่ เหมือนจะรู้จักกันมานานแล้วด้วยนั้น(นานกว่ารู้จักตัวเองว่างั้น) ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดและไม่พอใจขึ้นหนักกว่าเดิม
“คุยกันเข้าไป” อาคิราพึมพำเบาๆแล้วค้อนขวับใส่หมอแอมที่ยังทำท่าทางไม่สนใจเธอ คุยจ้ออยู่กับรุ่นน้องอย่างออกรส

“ป่ะ เมย์เลิกเล่นน้ำกัน” เจ้าตัวดีบอกสาวน้อยตัวเล็กที่เป็นเพื่อนเล่นน้ำด้วย ก่อนจะจูงมือกันขึ้นมาจากสระ
“มานิ” อาคิราคว้าตัวของเด็กตัวเล็กทั้งสองไว้ แล้วใช้ผ้าขนหนูผืนนุ่มเช็ดตัวให้หลานชายและหลานสาวของคุณหมอคนสวยไปพร้อมๆกัน
“โอ้ย เบาๆ อาอายหัวข้าวม่าใช่กระทะนะจะได้ทั้งขัดทั้งถูอะ” เจ้าตัวเล็กหันมาตะโกนลั่นว่าเธอดูจะมือหนักไปแล้ว
“เงียบน่า” อาคิราเบ้หน้า แล้วเริ่มขยี้ผ้าผืนนุ่มลงบนผมของหลานชายอีกครั้ง
“แล้วนั่นใครอะอาอาย” เจ้าข้าวบุ้ยปากมองไปยังฟ้าที่กำลังหัวเราะกับเรื่องที่แอมกำลังเล่าให้เธอฟัง
“ไม่รู้”อาคิราเหลือบมองด้วยความไม่พอใจแล้วกระแทกเสียงบอกต้นข้าว
“แล้วทำไมต้องดุด้วยเล่า” เจ้าตัวดีบอกเบาๆ แล้วมองหน้าอาสาวที่บูดบึ้ง ก่อนจะนึกอะไรออกและแอบอมยิ้ม
“นึกว่าอารายที่แท้ก็หึงนี่เอง” เจ้าตัวดีพึมพำเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าเล็กๆเหมือนผู้รู้ ว่าอาสาวของตัวเองกำลังเกิดอาการที่เรียกว่าหึงนั่นเอง(ตัวแค่เนี่ย รู้ทุกเรื่อง)

“อะไร ส่ายหน้าทำไมย่ะ” อายเห็นเจ้าตัวดีแอบส่ายหน้าอย่างน่าหมั่นไส้ จึงออกปากถาม
“เปล๊า....ใครส่ายข้าวม่าได้ทำไรซักหน่อย เน๊อะเมย์เน๊อะ” ต้นข้าวหัวเราะคิกเมื่อเห็นใบหน้าของอาคิรา ก่อนที่จะเจอฤทธิ์ของอาสาวหน้าหวานเข้าอีกจึงรีบเฉไฉหาพวกทันที

“พี่อายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ อารมณ์ไม่ดีเลย” เมย์เองที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องราวอะไรเท่าไรนักถามอาคิราด้วยความเป็นห่วงเบาๆ

“พี่อาย เอ่อพี่อาย.....เปล่าหรอกค่ะ เดียวไปเปลี่ยนชุดแล้วไปเล่นอย่างอื่นกันนะคะ” เมื่อเห็นสายตาแป๋วแววของหลานสาวหมอแอม อารมณ์พุ่งพล่านที่ดูไม่มีเหตุผลก็จางหายไปได้บ้าง..นั่นสินะ ทำไมเธอต้องอารมณ์เสียและพาลทำตัวเป็นเด็กๆด้วย หมอแอมเองก็ไม่เคยจะบอกว่าชอบหรือสนใจเธอแบบนั้นเลยซักครั้ง อาจจะแค่เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวหรือหลานสาวอีกคนก็เท่านั้น เธอยิ้มหวานให้เด็กหญิงตัวเล็ก ลูบผมนุ่มนั่นเบามือ แล้วจูงมือเด็กตัวเล็กทั้งสองเดินไปที่โต๊ะที่มีหมอแอมและรุ่นน้องนั่งอยู่

หมอแอมที่กำลังหัวเราะเฮฮาพูดคุยอยู่กับรุ่นน้องที่ไม่ได้เจอกันเสียหลายปี แต่มีเหรอที่เธอจะไม่เป็นห่วงสาวหน้าหวาน หลังจากที่เจ้าหล่อนเล่นแผลงฤทธิ์ออกอาการให้เห็นชัดเจนขนาดนั้น แอมเองก็เป็นห่วงและแอบมองอาคิรา เธออมยิ้มเมื่อเห็นสาวหน้าหวานกำลังคุยอยู่กับเด็กๆกำลังจะเดินมาหา
“พี่แอมคะ อายพาสองคนนี้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะพาไปเล่นเครื่องเล่นเลยนะคะ” อาคิราบอกเบาๆ แต่ก็ยังไม่กล้ามองหน้าคุณหมอคนสวยตรงๆ
“ให้พี่แอมไปช่วยมั้ยคะ” แอมอมยิ้มถามเบาๆ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่แอมอยู่คุยกับคุณฟ้าต่อเถอะค่ะ” อาคิราเหลือบมองคู่สนทนาของหมอแอมเล็กน้อย
“เอาอย่างนั้นเหรอคะ” แอมยังอมยิ้มถามสาวหน้าหวานที่ยังก้มหน้าพูดไม่สนใจจะมองเธอเบาๆ
“ค่ะ” อาคิราตอบเบาๆแล้วจูงมือเด็กตัวเล็กทั้งสองคนเดินไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
“จะดีเหรอคะพี่แอม ดูน้องอายเค้าเหมือนไม่ค่อยพอใจฟ้าเท่าไรเลย” ฟ้าหน้าเสียบอกรุ่นพี่เบาๆ
“ดีออกค่ะ” แอมยิ้มแล้วเอ่ยบอกรุ่นน้อง
“เอ๋....มันจะดีได้ไงล่ะคะ ดูน้องเค้าจะไม่พอใจเท่าไร” ฟ้าเบ้หน้าไม่เข้าใจความหมายที่แอมต้องการจะสื่อ
“เอาเป็นว่าพี่แอมรู้แล้วกันค่ะ ถ้าไม่โกธรสิคะน่าจะแปลกมากกว่า” แอมยังคงยิ้มให้รุ่นน้อง แล้วคิดว่าอาการที่อาคิรากำลังแสดงออกมานั้นสมควรจะเรียกว่าอะไรดี

----------

“ให้ตายสิ อย่าคิดนะว่าจะหนีได้ตลอดนะ” ชายหนุ่มหน้าคมขมวดคิ้วแน่น เมื่อเบอร์ที่เขาเพียรพยายามจะโทรหาไม่ถูกตัดสายก็ปิดเครื่องหนี เขากระแทกโทรศัพท์หรูราคาแพงลงกับโต๊ะด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผู้คนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นหันมามองด้วยความแปลกใจ

“แล้วแพรจะเสียใจที่ทำกับผมอย่างนี้” เขาถมึงตาด้วยความไม่พอใจ คิ้วขมวดเข้าหากันก่อนที่จะทำสีหน้าเหมือนนึกอะไรออกแล้วรีบคว้าโทรศัพท์ เครื่องหรู ขึ้นมารีบกดเบอร์รัวเร็วอีกครั้ง

“อยู่ไหน” เสียงที่แสดงอำนาจกรอกกระแทกน้ำเสียงลงไปทันทีที่มีคนรับสาย
“ไนท์มีอะไรหรือเปล่า ตอนนี้นัทอยู่ข้างนอกน่ะไม่ได้อยู่ที่บริษัท” เสียงหวานที่ฟังดูเกร็งๆตอบกลับเบาๆ
“รีบมาหาผมที่ XXX เลยนะ เข้าใจมั้ย” เขายังคงไม่สนใจว่าปลายสายจะว่าอย่างไร แต่เมื่อเขาต้องการอะไรแล้ว เขาต้องได้
“ไนท์ แต่ว่านัทต้องไป...” ยังไม่ทันที่ปลายสายจะตอบว่าอย่างไร เขาก็กดวางสายอย่างไม่สนใจ
นัทส่ายหน้าระอาอย่างหน่ายๆ ทั้งที่เพิ่งเจอเรื่องดีๆแล้วแท้ๆ แต่กลับต้องเจอเรื่องร้ายตามมาติดๆ

นัท รู้จักไนท์ครั้งแรกสมัยเธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เธอยังจำได้ดีถึงครั้งแรกที่เจอกับเด็กผู้ชายที่ดูจะป็อปปูล่าที่สุดใน โรงเรียนได้ ใบหน้าคม ผิวขาวเนียนสะอาด ดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วเป็นคุณหนูต่างกับเธอที่เป็นเด็กธรรมดาเฮฮาไป วันๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไร ทั้งสองคนกลับกลายเป็นเพื่อนกันได้โดยใช้เวลาไม่นาน อาจเป็นเพราะไนท์เป็นคนที่ไม่ค่อยพูด เวลาทำกิจกรรมหรือมีอะไรในโรงเรียนไนท์มักจะนั่งเฉย และเป็นนัทที่มักจะชักชวนให้ไนท์ทำโน้นทำนี่ แม้ตอนแรกๆ นัทรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้จะดูเหมือนเหย่อหยิ่งไม่เห็นหัวใครเลยก็ตามที แต่เธอเป็นคนชอบเอาชนะใจคนอยู่แล้ว พอชวนคุยบ่อยๆเข้า ชวนทำโน้นทำนี่ ทั้งสองคนก็เหมือนจะเปิดใจให้กันและเป็นเพื่อนกันไปในที่สุด
อะไรๆก็ดูจะดีไปเสียหมด จนเมื่อทางบ้านของเขาเกิดเรื่องขึ้น บริษัทของคุณพ่อไนท์ล้มละลายขึ้นมาในช่วงที่ทั้งคู่กำลังเรียนอยู่ มหาวิทยาลัยปีสอง จากวันนั้นไนท์ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจนนัทเองก็แทบจะไม่เข้าใจความ คิดของเพื่อนเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไนท์ถึงเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนั้น ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าเพื่อนไปแอบชอบรุ่นพี่ปีสาม อย่างแพรวาด้วยแล้วนั้น ไนท์ดูใจร้อนมากขึ้น เพื่อนคนเก่าของเธอที่เป็นคนไม่ค่อยพูด กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนเธอตามไม่ทัน แต่ในทุกๆครั้งที่ไนท์มีเรื่องไม่สบายใจ ไม่พอใจ ก็จะเป็นนัทที่คอยรับฟังและคอยดูแลเพื่อนคนนี้เหมือนเดิม
นัทขมวดคิ้วเรียวเข้าหากัน ใครต่อใครมักจะตำหนิเธอว่าทนคบกับคนอารมณ์ร้อนอย่างไนท์ได้อย่างไร
เธอก็ได้แต่ส่งยิ้มเก้อๆกลับไปแทนคำตอบ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลเช่นกันว่าทนคบกับคนเจ้าอารมณ์ได้ อย่างไร อาจเป็นเพราะถ้าไม่มีเธอแล้ว ไนท์ก็อาจจะไม่เหลือเพื่อนคนไหนอีกเลยก็ได้
นัทเป็นคนขี้สงสารแถมยังใจอ่อน เธอเองเคยทะเลาะกับไนท์เป็นเรื่องราวใหญ่โตจนเกือบจะเลิกคบกัน แต่เมื่อ ไนท์มาพูดด้วย เมื่อเห็นสีหน้าหงอยๆของเพื่อน เธอก็อดใจอ่อนไม่ได้ทุกครั้งไป
ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้จะรู้สึกเบื่อกับความเอาแต่ใจ นิสัยชอบวางอำนาจ แต่นัทก็ขัดไม่ได้ เมื่อถูกโทรตาม เธอรีบขับรถบึ่งออกจากห้างใหญ่ ไปสถานที่ที่ไนท์บอกทันที

“มัวทำอะไรอยู่ทำไมมาช้าจริง” ทันทีที่เห็นนัท ไนท์ก็ต่อว่าทันที
“ก็รถมันติดไนท์ก็น่าจะรู้ว่ากรุงเทพมันก็เป็นแบบนี้แหละ” นัทพยายามจะอธิบาย
“ช่างเห๊อะ เบื่อ นัทไปเที่ยวกัน” เขายิ้มกว้างหันมาหาเพื่อนทันที
“นัทไม่ว่างนะ นี่นึกว่าไนท์มีเรื่องด่วนนะ ถึงรีบมาเดียวนัทต้องกลับไปเคลียงานอีก ” นัทนิ่วหน้าอธิบาย
“งาน งาน งาน นัทกลายเป็นคนบ้างานตั้งแต่เมื่อไร” เขาเริ่มโวยวายเสียงดังจนคนในร้านกาแฟเริ่มหันมามอง
“เบาๆหน่อยเกรงใจคนอื่นบ้าง” นัทเบ้หน้า หดคอลงหลบสายตาของคนที่เริ่มมองมาทางเธอและไนท์
“คืนนี้นัทต้องไปไนท์”
“ไนท์!!!” นัทเริ่มหัวเสียกับอาการโวยวายไม่มีเหตุผลของเพื่อน เธอจึงเผลอตะโกนเสียงดังออกไป
แต่นั่นก็ทำให้ไนท์หยุดชะงักไปได้เหมือนกัน เขาลุกขึ้นมองหน้าเพื่อนเหมือนต้องการจะถามว่าทำไมถึงไม่ทำตามอย่างที่เขา ต้องการเหมือนทุกครั้ง แล้วเดินออกจากร้านกาแฟมุ่งตรงไปที่ลิฟท์ทันที
“เอ่อ..คือเดียวไนท์” นัทตะโกนและแทรกตัวเข้าไปในลิฟท์พร้อมเพื่อน
“ไม่ว่างไม่ใช่เหรอ” เขาประชด
“เฮ้อ ให้ตายสิ ก็ได้ๆ....ไนท์อยากไปไหนล่ะ” นัทส่ายหน้าระอาแต่ก็อดที่จะตอบรับเพื่อนคนนี้ไม่ได้
“มีผับเปิดใหม่แถว XXX เราไปกันนะ”
“ผับอีกแล้วเหรอ นัทว่าไปที่อื่นดีไม๊ ไนท์ก็รู้ว่านัทไม่ชอบไปที่แบบนั้นเท่าไร” นัทรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าเพื่อนอยากไปไหน ตัวเธอถึงจะชอบเฮฮาชอบปาตี้สนุกสนาน แต่ในบางสถานที่ ที่เต็มไปด้วยคนมากหน้าหลายตา ไหนจะเพลงที่อึกทึกเสียงดัง ควันบุหรี่และแอลกอฮอล์ เธอก็รู้สึกแขยงขึ้นมาทันที

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไปเป็นเพื่อนไนท์หน่อย” เขาฉีกยิ้ม เมื่อดูเหมือนนัทจะลังเล
นัทมองหน้าไนท์ เธอยิ้มแหยๆแล้วพยักหน้าแทนคำตอบ
“แล้วเจอกันที่ XXX ตอน สี่ทุ่มนะ” เขาบอก แล้วออกจากลิฟท์ไป
“นัทเอ๋ย หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วมั้ยล่ะ” นัทหัวเราะเก้อๆบ่นพำพึมกับตัวเอง แล้วตัดสินใจกลับบ้าน


“แว๊กกกก” เสียงกรีดร้องของสองอาหลานดังขึ้นพร้อมกัน เมื่อรถไฟขนาดยักษ์ หล่นจากเบื้องสูงลงประทะสายน้ำเบื้องล่างอย่างแรง
“โห้ย หัวใจจะวาย” อาคิราบ่นอุบขณะออกมาจากเครื่องเล่นแสนหวาดเสียวที่เจ้าหลานชายตัวดีชวนขึ้น ไปเล่น ขณะเดินไปหาน้องเมย์ที่ไม่อยากเล่น ขอยืนมองอยู่ข้างล่าง
“ก๊ากกก บ่นเป็นคนแก่ไปได้ หัวใจจะวาย ก๊ากๆ” เจ้าตัวดีแซวเมื่อเห็นสีหน้าของอาย แถมยังหัวเราะเสียดังลั่น
“อะจ๊ะๆพ่อคนเก่ง....พ่อคนไม่กลัวอะไร แล้วมาชวนชั้นขึ้นทำไมย่ะ เก่งนักไม่ขึ้นไปคนเดียวเล่า” อายตอบพร้อม ร่อนมะเหงกเล็กๆลงบนหัวของต้นข้าวซะหนึ่งที

“รังแกเด็ก” ต้นข้าวเบ้หน้าบ่น
“ไม่ได้รังแกย่ะเค้าเรียกสั่งสอน” อาคิราตอบหน้าตาย แล้วจูงมือน้องเมย์ ตรงดิ่งไปที่ม้าหมุนที่เด็กหญิงตัวน้อย บอกว่าอยากเล่น
“ง่ะ ไม่เอาม้าหมุน”เจ้าข้าวเบ้ปากเมื่อเห็น ตัวตุ๊กตุ่นตุ๊กตาหลากหลายสีสันที่กำลังหมุนเอื่อยๆช้าๆ
“อย่าเรื่องมากน่า ที่ตะกี้น้องเมย์ยังยืนรอ เล่นไอ้สเปซบ้าบอไรได้ตั้งนาน” อาคิราดุหลายชายที่เบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้

“ไม่เอาอะ ม่ายยยย ข้าวไม่ขึ้นขืนขึ้นไป ได้โดนเพื่อนล้อแน่ ม่ายอาว” เจ้าข้าวออกฤทธิ์ รั้งตัวไม่ยอมเดินไปตามที่อาคิราจูง
“เจ้าข้าว!!!!” อคิราเริ่มโมโหตะโกนเสียงดังบ้าง กว่าจะถูลู่ถูกังลากจะตัวดีขึ้นมาได้ ก็เล่นเอาอาคิราสูญเสีญน้ำและเกลือแร่ซะหลายมิลลิกรัม
“คิ คิ” เมย์หัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของต้นข้าว ต้นข้าวได้นั่งตุ๊กตุ่น ผึ้งน้อยสีเหลืองสดใส ส่วนของน้องเมย์ได้นั่งตัวม้ายูนิคอร์น โดยมีอาคิรา ยืนคุมพฤติกรรมของหลานชายอยู่ระหว่างกลาง
“เรื่องมากอะไรหนักหนาก็ไม่รู้ เด็กบ้า” อาคิราบ่น พร้อมร่อนมะเหงกบินอีกครั้ง
“เดียวข้าวจะฟ้องคุณพ่อที่อาอายรุกล้ำสิทธิเด็กแถมยังทำให้อับอาย” เจ้าข้าวบ่นอุบ อาคิราโพลงตาโตไม่รู้เจ้าตัวดีไปจำถ้อยคำแบบนี้มาจากละครทีวีช่องไหนอีก
“ย่ะๆเชิญฟ้องตามสบายเลย แมนมากเลยนะย่ะฟ้องพ่อเนี่ย” ว่อาคิราพูดประชดเจ้าตัวดีอีกครั้ง แล้วจึงหันไปมองน้องเมย์บ้าง น้องเมย์กำลังยิ้มและโบกมืออยู่ อาคิรามองตามก็เห็นหมอแอมกับฟ้ายืนมองน้องเมย์อยู่ด้านล่าง เธอจึงรีบเบนสายตาหนีไม่มองคุณหมอคนสวยที่เธอพร้อมส่งยิ้มหวานให้

“คุณแม่ขา ทางนี้ค่ะ ทางนี้” น้องเมย์ตะโกนเรียนแอมที่ยืนมองอยู่ข้างล่างพร้อมโบกมือกลับให้ลูกสาวตัวเล็ก
“ยัยเมย์ทำตัวเป็นเด็กไปได้ แค่นี้ต้องเรียกให้แม่มอง อี้” เมื่อเอาชนะอาสาวหน้าบูดที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้ เจ้าตัวดีก็เริ่มหาเรื่องระราน(นิสัยเหมือนใคร?)คนอื่นแทน
“แหมเราน่ะ ผู้หญ่ายยยย(ผู้ใหญ่)ตายเลยสินะย่ะ ทำเป็นว่าคนอื่นนั่งเงียบๆไปเลย” อาคิราอดไม่ไหวที่จะต้องพาลเอาเรื่องกับเจ้าหลานชายตัวแสบอีกครั้ง ทันทีที่เห็นคุณหมอแอมเดินเคียงคู่มากับผู้หญิงสวยที่ชื่อฟ้า เธอก็เกิดหงุดหงิดไม่เป็นสุขขึ้นมาเสียดื้อๆ

หลังจากทนทรมานนั่งอับอาย(เหลือเกิน)ในความคิดของเจ้าตัวแสบเป็นเวลาร่วมสิบ นาที ทั้งสามชีวิตก็ลงมาจากม้าหมุน น้องเมย์รีบจูงมืออายที่เกี่ยวแขนอีกข้างไว้กับเจ้าหลานชายตัวแสบ รีบวิ่งไปหาหมอแอม ที่ยืนอมยิ้มมองดูอยู่ ทำให้อาคิราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับหมอแอม

“คุณแม่ขา” เด็กหญิงตัวเล็กแก้มป่องรีบกระโจนหาคุณแม่คนสวย แอมย่อตัว กอดเด็กตัวเล็กไว้พร้อมลูบศีรษะเบาๆ
“ว่าไงคะ สนุกมั้ย” แอมยิ้มถาม
“ค่ะ” น้องเมย์ตอบพร้อมพยักหน้า
“แล้วต้นข้าวล่ะสนุกมั้ยคะ” แอมเหงยหน้าถามต้นข้าวแต่สายตากลับกำลังจ้องอยู่ที่แม่สาวหน้าบูดที่แกล้งไม่มองเธอแทนเสียนี่
“งั้นๆ” ต้นข้าวตอบอารมณ์บูด
“พูดดีๆ” อาคิราหันมาโว้ย พร้อมแจกมะเหงกร่อนอีก1โป้ก
“ง่ะ ซะ..สนุกคับ” เจ้าตัวแสบลูบหัวตัวเองป้อยๆ พร้อมแลบลิ้นใส่อาสาวของตัวเอง
“จริงๆเลยนะ สองคนนี้ “แอมยิ้มแล้วหัวเราะ
“แล้วน้องอายล่ะคะ สนุกมั้ย” แอมแกล้งตะล่อมถามสาวหน้าหงิก ที่แอบมองเธอแว้บหนึ่งแล้วก็สะบัดหน้าหนีไปทางอื่น
“ข้าวไป ชั้นอยากเล่นโน้น” อาคิราตัดบทไม่ตอบอะไร แล้วพยักเพยิดให้ต้นข้าวมองไปอีกทาง แล้วตรงดิ่งไปยังบ้านผีสิง..ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสวนสนุก
“อะอ้าว เดียวๆ” ต้นข้าวตะโกนเรียก ก่อนจะรีบวิ่งตามอาสาวไปอย่างงงๆ
แอมยิ้มพร้อมส่ายหน้าเล็กๆเมื่อเห็นร่างของผู้หญิงขี้งอน รีบเดินหนีเธอไป
“พี่อายเป็นอะไรไม่รู้ค่ะคุณแม่ อารมณ์ไม่ดีเลย เพราะน้องเมย์รึเปล่าคะ” ท่าทางที่อาคิราแสดงออกแม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆยังจับความผิดปกติได้ แล้วมีเหรอที่คนอย่างหมอแอมจะไม่รู้ เธอยิ้มแล้วลูบผมลูกสาวตัวเล็กอย่างเอ็นดู
“ไม่ใช่หนูหรอกค่ะ แต่คุณแม่พอรู้แล้วว่าทำไมพี่อายถึงอารมณ์ไม่ดี ไม่ต้องห่วงนะคะ..เดียวพี่อายก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม” แอมอมยิ้มแล้วมองหน้าลูกสาวตัวเล็กและฟ้าที่ยังมีสีหน้างงๆสลับไปมา
“ฟ้าว่าเพราะฟ้าแน่เลย ดูน้องอายไม่ค่อยชอบฟ้าเท่าไร ขอโทษนะคะพี่แอมที่มารบกวน “ เมื่อได้ยินที่แอมพูด ฟ้าก็รู้สึกไม่ดีและเข้าใจผิดที่คิดว่าอาจเป็นเพระเธอก็เป็นได้
“ไม่เกี่ยวกับฟ้าหรอกค่ะ เอาเป็นว่าสบายใจได้ ปัญหานี้เดียวพี่จัดการเอง ว่าแต่น้องเมย์ล่ะค่ะ อยากเล่นอะไรอีกมั้ยเอ่ย”
แอมเอ่ยถามลูกสาวตัวเล็กอีกครั้ง น้องเมย์ส่ายหน้าเป็นพัลวันว่าเธอไม่อยากเล่นอะไรอีกแล้ว แต่มองจ้องไปที่ร้านขายของที่ระลึกที่อยู่ไม่ไกลนักแทน
“ซื้อของเล่นได้มั้ยคะ คุณแม่ขา” น้องเมย์ยิ้มหวานบอกแอมอ้อนๆ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ ป่ะเราไปเลือกของเล่นรอพี่อายกับต้นข้าวออกมากันเน๊อะ” แอมยิ้มแล้วจูงมือลูกสาวเข้าไปในร้านขายของที่ระลึกพร้อมกับฟ้าแทน

“กรี๊ดดดด ม่ายยยยย” เวลาผ่านไปไม่นานนัก สาวหน้าบูดก็เปลี่ยนเป็นสาวหน้าซีดแทน แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นของหลอกเด็กแต่ก็อดไม่ได้ที่จะกลัว ก็อาคิราเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองนี่นะ เธอนึกโมโหตัวเองแทนที่จะเลือกงอนเดินไปเล่นอย่างอื่น อะไรดลใจก็ไม่รู้ให้เลือกเข้าบ้านผีสิงเสียนี่
“เป็นไงล่ะ สมน้ำหน้ากลัวผีขึ้นฉะหมอง(สมอง)ยังบ้าจี้จะเข้าบ้านผีสิงอีก ฮ่าฮาฮ่า” เจ้าข้าวหัวเราะขำเมื่อเห็นสภาพและสีหน้าที่ซีดราวไข่ต้มของอาตัวเอง
“ดะเดียวก่อนเถอะ” อาคิราหมดเรี่ยวแรงจะเถียง เนื่องจากอาการเหนื่อยหอบ(วิ่งหนีผี) กุมเข่าตัวงอ ชี้หน้าเจ้าตัวแสบที่ยังหัวเราะเสียงดังไม่เลิก
“ตรู้ดๆตรู้ดๆ” เสียงเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าสะพายกรีดเสียงร้อง อาคิราละความสนใจจากหลานชายตัวแสบหันมาสนใจมันแทน

“ ว่าไง มีอะไร” อาคิราขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเบอร์เพื่อนรักโชว์หราอยู่บนหน้าจอ
“อยู่ไหนย่ะหล่อน แหมตั้งแต่ไปนอนค้างบ้านหวานใจเนี่ย ดูจะลืมเพื่อนลืมฝูงเลยนะ” ศักดิ์ชัยกรีดเสียงสะบัดสะบิ้งด้วยความไม่พอใจที่เพื่อนซี้อย่างอาคิราหลัง จากไปค้างที่บ้านของหมอแอม ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ติดต่อเธออีก
“ ลืม ?ใครลืม ไม่เคยย่ะ ใครจะกล้าลืมเพื่อนแสนดี๊แสนดีแบบแกลงล่ะ จริงม่ะ” อาคิรารีบแก้ตัวก่อนที่ศักดิ์ชัยจะโวยวายมากไปกว่านี้
“ย่ะๆ ไม่ต้องมาแก้ตัว ว่าแต่ตอนนี้อยู่ไหน แล้วอยู่กับใครย่ะ” ศักดิ์ชัยถามต่อ อาคิราเหลือบมองต้นข้าวที่ยืนรออยู่ไม่ไกลนักเล็กน้อย ก่อนที่สายตาคู่หวานเหมือนจะหาเรื่องมองเข้าไปในร้านขายของที่ระลึก แล้วก็เห็นแอม น้องเมย์ และฟ้ากำลังหยอกล้อหัวเราะกันอยู่ อาคิราบุ้ยปากไม่พอใจทันที แต่ก็พยายามจะรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ แม้ขณะที่ตัวเองจำใจเดินจูงมือหลานชายเข้าไปในร้านเดียวกันก็ตาม อายถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะยืนนิ่งอยู่หน้าประตูกระจกใสหน้าร้านขายของที่ระลึก แล้วแกล้งฉีกยิ้มกว้างด้วยรอยยิ้มฝืนๆทำให้เจ้าข้าวมองอาสาวด้วยความงุนงง ว่า เกิดอะไรขึ้นกับอาคิราอีกแล้ว อยู่ดีๆก็บ้าฉีกยิ้ม ทั้งๆที่ไม่เห็นมีเรื่องอะไรที่ต้องยิ้ม
“ ศักดิ์ เดียวชั้นโทรกลับนะ ตอนนี้อยู่สวนสนุกกะเจ้าข้าวน้องเมย์แล้วก็พี่.... เอ่อคุณหมอแอมน่ะ” อายตอบ แล้วเดินจูงมือหลานชายเข้าไปในร้านด้วยรอยยิ้มกว้างที่ดูตลกสิ้นดี
“ อะไรย่ะ เดียวสิ” ศักดิ์ชัยท้วงแต่อาคิราก็ตัดสายทิ้งเสียก่อน

“สนุกกันใหญ่เชียวนะ” อาคิรานึกในใจ ก่อนจะตรงดิ่งไปโซนของเล่นที่ทั้งสามคนกำลังเลือกกันอยู่
“เอาอันนั้นกับอันนั้นนะคะ คุณแม่” น้องเมย์ยิ้มร่าขณะหยิบ ของเล่นพลาสติกสีสันสดใสขึ้นมาเลือกหลายชิ้น
“ว่าไงดี ฟ้า พี่แอมว่าความผิดฟ้าเลยนะที่ให้น้องเมย์เลือกได้หลายชิ้น นี่” แอมแกล้งแซวรุ่นน้อง
“โธ่ พี่แอมคะ ของเล่นแค่นี้เองซื้อไปน้อยๆจะไปสนุกอะไรค่ะ ต้องซื้อเยอะๆ” ว่าแล้วฟ้าก็หัวเราะตามแอมไปอีกคน
“ อะฮึ่ม...” อาคิราเบ้หน้าแกล้งกระแอมให้คนทั้งหมดหันมามองแล้วฉีกยิ้มกว้างหน้าตึงดังเดิม
“ออกมากันแล้วเหรอคะ พี่แอมชวนฟ้ามาช่วยเลือกของเล่นให้น้องเมย์ระหว่างรอน้องอาย กับต้นข้าวออกมาจากปราสาทผีสิงน่ะค่ะ เป็นไงมั่งสนุกมั๊ย” แอมถามพร้อมส่งยิ้มหวานๆให้
“ก็ ดีค่ะ สนุก..สนุกค่ะ” อาคิราแกล้งตอบ จะสนุกได้ยังไงก็เธอเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองซะขนาดนั้น
“คับ สนุกมากเย้ย อาอายหลับตาวิ่งกรี๊ดตลอดทาง จนข้าววิ่งตามเกือบไม่ทัน” หมดกัน อาคิราคิด แล้วแสยะยิ้มมุมปากอุส่าห์ สร้างภาพเสียอย่างดี โดนปากเจ้าหลานชายตัวแสบเล่นเอาหมดท่าซะได้
“น้องอายกลัวผีเหรอคะ” ฟ้าหวังผูกมิตรออกปากถามบ้าง
“ใคร ใครกลัวคะอายก็แค่ แกล้งกรี๊ดไปเท่านั้นเอง เข้าบ้านผีสิงไม่กรี๊ดมันจะสนุกเหรอคะ” ไม่ได้ๆต่อหน้าผู้หญิงคนนี้เธอจะยอมเสียฟอร์มไม่ได้(บ้าจี้ คิดเอาเอาทั้งนั้น)ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นคำแก้ตัวที่ดูไม่เข้าท่าเลย ก็ตาม

“เหรอคะ” คำตอบที่ได้ยินเล่นเอาฟ้าออกอาการอึ้งไปได้เหมือนกัน เธอเลยได้แต่ยิ้มเก้อๆส่งไปให้แทน แล้วคิดว่าไม่พูดอะไรอีกจะดีกว่า ส่วนคุณหมอคนสวยตัวต้นเหตุที่ทำให้อาคิรามีอาการแปลกๆ กลับแอบยืนมองเหตุการณ์และอมยิ้มไปในคราวเดียวกัน
“จริงๆเลยน้า...น้องอายเนี่ย” แอมนึกพลางหยิบของเล่นที่น้องเมย์เลือกไว้ไปคิดเงิน แล้วชวนทั้งหมดออกจากร้าน
“เย็นขนาดนี้แล้วเหรอ” ฟ้าเปรยเมื่อเห็นท้องฟ้ายามเย็นทอแสงสีส้มเข้ม ใกล้ค่ำเต็มที
“พี่แอมทำน้องฟ้าเสียเวลารึเปล่าคะ อยู่เป็นเพื่อนพี่จนเย็นเลย” แอมเอ่ยถามด้วยความเกรงใจเบาๆ
“ ไม่หรอกค่ะ มาค่ะ ฟ้าช่วย” ฟ้ารีบกระวีกระวาดเข้าไปช่วยแอมหอบของเล่นและของที่ระลึกพะรุงพะรัง ส่วนอาคิราก็ได้แต่มองตาขวางตามหลังขณะที่ตัวเองรับหน้าที่จูงมือเด็กน้อย ทั้งสองคน

“วันนี้ฟ้าสนุกมากเลย แล้วก็ดีใจมากด้วยที่ได้เจอพี่แอม” ฟ้าก้มหน้ามองพื้นบอกเบาๆ
“ค่ะ พี่แอมก็ดีใจที่ได้เจอรุ่นน้องที่เป็นคุณหมอคนเก่งอย่างน้องฟ้าเหมือนกันค่ะ”แอมอมยิ้ม บอกฟ้าในขณะที่ทั้งหมดเดินมาถึงที่จอดรถ
“อืม น้องฟ้าจะไปไหนต่ออีกรึเปล่าคะเนี่ย” แอมถามขณะเปิดท้ายรถเก็บของที่ซื้อมา
ส่วนอาคิราพาต้นข้าวกับน้องเมย์ขึ้นไปนั่งรอบนรถ ตัวเองก็ตีหน้าบูดไปนั่งประจำตำแหน่งของตัวเอง แต่ก็ไม่วายยื่นคอเป็นยีราฟมองกระจกหลัง แอบดูหมอแอมและฟ้าเป็นพักๆ
“คุยอะไรกันหนาจริง” อาคิราบ่นอุบเมื่อแอมยังไม่ยอมบอกลารุ่นน้องเสียที มัวแต่ยืนคุยกันอยู่นั่นแหละ
“ก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ แต่วันนี้ฟ้าว่าจะแวะไปหาเพื่อนซักหน่อยนะค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานคิดถึงน่ะค่ะ”
“อืม งั้นน้องฟ้ารีบไปเถอะค่ะ กทมรถยังติดไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนหรอกนะคะ” แอมยิ้มบอกเบาๆ ขณะเดียวกับที่แอบเห็นว่าแม่สาวหน้าหวานที่นั่งหน้ารถ รีบหดคอทันทีที่เธอหันมามอง
“อะ เดียวค่ะ เกือบลืมนี่เบอร์ติดต่อพี่แอมนะคะ” แอมยิ้มแล้วคว้ามือถือของตัวเองขึ้นมาเมมเบอร์ ของรุ่นน้องไว้
“แล้วถ้าว่างๆ ค่อยนัดเจอกันอีกทีนะคะ พี่แอมยังมีเรื่องจะเล่าให้ฟ้าฟังอีกเยอะเลย” แอมแกล้งตะโกนบอกจงใจให้คนที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในรถได้ยิน

อาคิราปรายตามองแอม ไม่ค่อยชอบใจนักแล้วก็หายใจฟึดฟัดกอดอกแกล้งมองไปทางอื่น
แอมยิ้ม คงจะพอได้แล้วละมั้งสำหรับการแกล้งสาวขี้งอน แอมนึกก่อนจะสตาร์ทรถออกจากสวนสนุกโดยที่ในใจก็เริ่มคิดว่าจะเริ่มง้อแม่สาว ขี้หึงของเธอแบบไหนดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น