Captivated Clumsy 11

“ข้าว ทำไมคุณแม่กะพี่อายไม่เข้าบ้านซักที นานแล้วนะ” น้องเมย์ชะโงกหน้าขึ้นมาถามเจ้าข้าวจากของเล่นชิ้นใหม่ที่เพิ่งซื้อมา
“จาไปรู้เร๊อะ เรื่องของผู้ใหญ่เค้า เมย์อย่ารู้เลยๆ” เจ้าตัวแสบเก๊กมาดอมภูมิเหมือนตัวเองรู้ทุกเรื่องซะเต็มประดา
“แล้วข้าวรู้เหรอว่าเรื่องของผู้ใหญ่คือเรื่องอะไร” น้องเมย์ถามอีกครั้งด้วยความสงสัย
“ก็....ก็เอาน่า อย่าถามมากเรื่องได้ม่ะ ยัยเมย์” เจ้ ตัวดีก็พูดดีไปอย่างนั้นจริงๆตัวเองก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอก แต่จะมาเสียฟอร์มต่อหน้าศัตรูคู่อาฆาตเก่าได้ยังไง นั่นดูจะเป็นสิ่งที่เด็กชายต้นข้าว ยอมไม่ได้เด็ดขาด

“กรี๊ดดดดด จริงเหรอย่ะหล่อย ต๊ายยยยยยตาย อกอิแป้นสวยๆจะแตก นี่หล่อยไม่ได้อำชั้นเล่นใช่มั๊ย” หลังจากวันที่แม่สาวขี้งอนได้ปรับความเข้าใจในหลายๆเรื่องกับคุณหมอคนสวยแล้ว เธอจึงตัดสินใจที่จะบอกเรื่องราวความเป็นไประหว่างเธอกับหมอแอม ให้เพื่อนสุดที่รักอย่างศักดิ์ชัยรู้ และก็เป็นอย่างที่คาดคิด แม่เพื่อนสาวดูจะโอเวอร์แอคชั่นกว่าที่ควรจะเป็น อาคิราจุ๊ปากบอกให้ศักดิ์ชัยสงบสติอารมณ์ลงบ้าง คนที่ได้หวานใจน่ะเธอไม่ใช่ศักดิ์ชัย
“ต๊ายตาย หล่อนนี่นะซุ่มนะย่ะ แล้วบอกจะตัดใจๆ ไหง แค่ สอง-สามอาทิตย์กลับ หน้ามือหลังเท้าขนาดนี้ล่ะย่ะ” ศักดิ์ชัยจีบปากจีบคอพูดเสียงดังไม่หยุด ทำให้อายต้องตีลงไปบนต้นแขนอันแสนล่ำสันของเพื่อน หนักๆเสีย2-3ที
“เบาๆก็ได้นังศักดิ์ จะให้เค้ารู้กันทั่วมหาลัยเลยหรือยังไง ” อาคิราบ่น ก้มหน้าเดิน เมื่อดูเหมือนผู้คนรอบข้างจะเริ่มหันมามองเธอและศักดิ์ชัย
“ถึงว่าพักนี้อารมณ์ดีผิดปกติที่แท้ก็…คิคิไวไฟนะย่ะ” ศักดิ์ชัยหลิ่วตามองค้อนอายอย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนหน้าคณะ พร้อมกับควักกระเป๋าเครื่องสำอางใบโตออกมาเตรียมเมคสวยก่อนกลับบ้าน
“ไวไฟอะไรล่ะ แกก็พูดไป…..พี่แอมเค้าแค่ชอบชั้น แบบที่ชั้นชอบเค้าก็เท่านั้น….ยังไม่ได้เป็นอะไรถึงขั้นนั้นซักหน่อย” อาคิราตอบเขินๆแล้วบิดซ้ายบิดขวาดูน่าหมั่นไส้ในสายตาของศักดิ์ชัย
“เหรอย่ะ แล้วไอ้ขั้นนั้นน่ะมันขั้นไหน คิคิ” ศักดิ์ชัยยังไม่วายแกล้งกระแซะถามเพื่อน ให้อาคิราต้องอายหน้าแดงจัดขึ้นมาอีกครั้ง
“บ้า….แกนิในหัวมีแต่เรื่องลามก” อาคิราแกล้งโวยวายแก้เขิน
“อาร๊ายอารายย่ะ ใครกันแน่ที่ลามก ชั้นหมายถึงขั้นที่ว่าแค่ชอบหรือว่าเป็นแฟนกัน อี้ๆว่าแต่ชั้น แกน่ะอาการหนักกว่าชั้นอีกนะย่ะ” ศักดิ์ชัยมองค้อนเพื่อน อย่างรู้ทัน
“อ้าวเหรอ เออน่า….ช่างชั้นว่าแต่วันนี้แกว่างมั้ย” อาคิรารีบเปลี่ยนเรื่องกลัวเพื่อนรักจะจุดประเด็นขึ้นมาให้เธอต้องเขิน อีก รอบ
“ก็ไม่เชิง…..ทำไมเหรอย่ะ”ศักดิ์ชัยถามเพื่อน
“เปล่าก็ถ้าแกว่าง ไปดูชั้นซ้อมละครมั๊ย วันนี้เอกก็มานะ” อาคิราเอาเรื่องผู้ชายที่ศักดิ์ชัยแอบชอบมาอ้าง จริงๆแล้วก็ไม่พ้นเรื่องเดิมๆ จินตนาช่วงนี้ก็ดูจะรุกเธอหนักเหลือเกิน จนเธอเริ่มอึดอัดใจจนไม่อยากจะไปซ้อมละครเวทีเพียงลำพัง
“จริงหรือย่ะ ไปสิไปไป ชั้นไม่ได้เจอหน้าเอกตั้งหลายอาทิตย์แล้ว กรี๊ดๆเอ๊ะ.....เดียวๆที่แกชวนชั้นนิ ไม่ใช่ จะให้ชั้นไปเป็นไม้กันยัยจินตนาหรอกเหรอย่ะ หือหล่อน” ศักดิ์ชัยหลิ่วตามองเพื่อนอย่างรู้ทัน
“แฮะๆ แหม ปิดแกไม่เคยมิด อันนั้นมันก็ด้วย....นะศักดิ์นะน้าๆ”
“กะแล้ว มันต้องยังงี้ทุกครั้ง บอกชั้นตรงๆชั้นก็ไปย่ะ ไม่ต้องเอาผู้ชายมาอ้าง ชิเดียวแม่ก็งอนไม่ไปเลย เชอะๆ” ศักดิ์ชัยแกล้งงอนเพื่อนสะบัดสะบิ้งดูน่า…….เสียเหลือเกิน
“อ๊ะ แป๊บนะ” อาคิราสะดุ้ง เมื่อมือถือในกระเป๋าสั่นเตือน
“ยิ้มๆแหมๆ เห็นเบอร์ทำยิ้ม หมอแอมโทรมาล่ะสิ เห้ออออิจฉาพวกมีซัมวัน (someone) จริ้งๆ” ศักดิ์ชัยว่าแล้วมองค้อนเพื่อนอย่างอิจฉา
“แป๊บนะ” อาคิราไม่สนใจเสียงเพื่อนกระแหนะกระแหน เธอลุกขึ้นไปนั่งม้าหินอีกตัวที่อยู่ห่างไม่ไกลนัก
“คะ?” อาคิราตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง
“วันนี้น้องอายต้องอยู่ซ้อมละครใช่มั้ยคะ” แอมเองก็กำลังนั่งอมยิ้มอยู่ในห้องพักของตัวเอง
“ค่ะ วันนี้ซ้อมองก์ใหญ่ด้วย(ซีนใหญ่) คงจะเลิกดึกหน่อยน่ะค่ะ พี่แอมไม่ต้องมารับอายก็ได้ เดียวอายเรียกแท็กซี่กลับเอง” อาคิราตอบเบาๆ ไม่อยากให้หมอแอมต้องเทียวไปเทียวมา
“ได้ยังไงกันล่ะคะ นี่พี่แอมลงเวรแล้ว กำลังจะไปรับน้องเมย์แล้วจะแวะไปหาเราด้วย ”แอมตอบเบาๆ บางครั้งอาคิราก็ดูขี้เกรงใจจนเกินไปทั้งๆที่เธอไม่เคยคิดว่าสาวหน้าหวานคนนี้จะเป็นภาระหรือทำให้เธอลำบากเลยซักครั้ง
“ก็....อายเกรงใจนี่คะ ไม่เป็นไรจริงๆค่ะพี่แอม”อายรู้สึกเกรงใจเพราะตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสามโมงกว่าๆเท่านั้น ขืนหมอแอมมาก็ต้องมานั่งแก่ว รอเธอซ้อมละครเวทีอีกนานกว่าจะเสร็จก็คงจะปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแน่ๆ
“ไม่ได้ค่ะ หรือน้องอายไม่อยากให้พี่แอมไปหากันแน่ บอกมาตรงๆก็ได้ค่ะ” แอมอมยิ้ม เธอรู้ดีว่าอาคิราแคร์เธอขนาดไหน ลองเธอพูดแบบนี้แล้ว เดียวอาคิราก็คงยอมเธอเหมือนทุกๆครั้ง(เจ้าเล่ห์มิมีใครเกิน)
“ง่า…พี่แอมอะอย่าพูดแบบนี้สิค๊า เฮ้อ....อายว่าอายดื้อกับพี่อาร์มมากแล้วนะ เจอพี่แอมเข้าไปนี่ อายชิดซ้ายเลย” อาคิราว่าเบาๆ
“หือ....จะว่าพี่แอมดื้อเหรอคะ อายนั่นแหละไม่อยากเจอพี่ใช่มั้ยล่ะ ก็ได้ค่ะพี่แอมไม่ไปก็ได้” คุณหมอคนสวยยิ้มกว้างแล้วนึกขำ ป่านนี้อาคิราคงจะลนลานนั่งไม่ติดแล้วแน่ๆ เธอก็เคยนึกตำหนิตัวเองหลายครั้งที่ชอบแกล้งอายอยู่เรื่อยแต่ก็อดไม่ได้ทุกครั้ง แค่ได้ยินเสียงใสๆของอาคิรา เธอก็นึกอยากจะแกล้งทุกครั้งไป
“พี่แอมอ่า...อย่าทำแบบนี้สิคะ ใครบอกอายไม่อยากเจอพี่แอมล่ะ อยากเจอสิคะ...อยากเจอมากด้วย” แล้วก็เป็นอย่างที่แอมนึกไว้จริงๆตั้งแต่แอมเริ่มทำท่าเหมือนจะงอนเธอ อายก็เริ่มอยู่ไม่สุก เดินวนไปวนมา(เพื่ออะไร)
“จริงเหรอคะ” แอมหัวเราะขำ แล้วลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปรับลูกสาวตัวเล็ก
“ค่า....อยากเจอพี่แอมจะตายยยยยยยอยู่แล้วนี่ไง”
“เดียวเถอะนะเรา ไม่ต้องมาแกล้งพี่เลย เดียวเจอกันนะคะ คนดี” แอมว่าแล้ววางสายไปพร้อมรอยยิ้มพราย

อายหัวเราะ เธอเพิ่งจะรู้ว่าโดนคุณหมอคนสวยแกล้งเข้าให้อีกแล้ว(เพิ่งรู้ตัว) อาคิราถอนหายใจแล้วส่ายหน้าในความใจอ่อนของตัวเอง ก่อนจะเดินไปหาศักดิ์ชัยที่โบ๊ะหน้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ป่ะศักดิ์ แต่งสวยเสร็จยังเดียวคนอื่นรอ” อาคิรายิ้มกว้างหลังจากได้คุยกับหมอแอม เธอเดินไปหาเพื่อนสาวที่นั่งเท้าคางรอเธออยู่ที่โต๊ะ
    “เสร็จเป็นชาติแล้วย่ะ ก็รอหล่อยคุยกะหวานใจให้เสร็จนั่นแระ” ศักดิ์ชัยแกล้งกระแซะเพื่อนแล้วกรีดกรายเดินไปกับอาคิรา
    “หวานจงหวานใจที่ไหนเล่า พูดอะไรก็ไม่รู้แกนิ” อาคิราตอบเขินๆแล้วก้มหน้างุดรีบเดินนำศักดิ์ชัยที่ดูเหมือนจะหาเรื่องแซวเธอตลอดเวลา
    “ย่ะๆ แม่คนปากแข็ง” ศักดิ์ชัยนึกขำแล้วรีบเดินตามอายที่เดินจ้ำอ้าวไปไกลแล้วให้ทัน

    “อ้าวอายจะไปซ้อมละครแล้วเหรอ” ไม่ใช่ใครที่ไหนที่เข้ามาทักทาย ก็พระเอกละครเรื่องนี้นั่นเองเอกยิ้มทักทาย ขณะเดินสวนกับอาคิราที่มุมตึกโรงละครของคณะ

    “หวัดดีเอก อืม....เรากำลังจะไปพอดีแล้วเอกละ” อาคิราทักทายพร้อมส่งรอยยิ้มเป็นมิตรไปให้เขา
    “อีกซักพักค่อยไปน่ะ ว่าจะเอางานไปส่งที่ตึกก่อน” เอกโชว์ผืนผ้าใบผืนใหญ่ที่ถูกแต่งเติมด้วยสีสัน ให้อาคิราดู
    “โห้ สวยจังเอก” อายทำตาโตด้วยความตื่นเต้น พลางขยับเข้าใกล้มากขึ้นจนเอกได้กลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆ โชยออกมาจากร่างเล็กๆนั้น 

    “อะ...อืมขอบใจนะ มีอายนี่แหละชมคนแรกเลยว่าสวย ฮ่า ฮา ฮ่า” เขาหัวเราะขำแก้เขิน
 “งั้นเราไปก่อนนะ” เอกว่าแล้วจึงเดินแยกไป
    “อืม” อายตอบแล้วถึงเพิ่งรู้ตัวว่า ตัวเองพูดอยู่กับเอกเพียงลำพัง แล้วแม่เพื่อนสาวที่ปลื้มยอดชายนายเอกอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชล่ะ หายไปไหนเสียแล้ว  อคิราหันซ้ายแลขวามองหาแม่เพื่อนเลิฟ แล้วก็ต้องนึกขำเมื่อแม่เพื่อนรักอย่างศักดิ์ชัยกลับก้มหน้างุดยืนหลบอยู่หลังต้นมะยมข้างโรงละคร (เหมือนจะหลบมิด)

    “ไหนบอกว่าถ้าอยู่กับเอกสองต่อสองจะจับกดไง ฮ่าฮาฮ่า นี่เหรอจับกดของแกน่ะ นังศักดิ์ “ อาคิราหัวเราะตัวงอ เมื่อเห็นหน้าแดงๆของเพื่อนสาว

    “บ้า แกก็เป็นสาวเป็นนาง ไปทักผู้ชายก่อนได้ไงย่ะ” ศักดิ์ชัยบิดตัวสะบัดสะบิ้งก่อนตอบ
    “เอ้า.....เอ้าเอ้า แล้วชั้นไม่ใช่ผู้หญิงเหรอไงย่ะ ” อาคิราว่าพลางมองค้อนตาขวาง
    “แกน่ะ... มันกรณียกเว้นย่ะ ไปไป๊อย่ามามัวกัดชั้นอยู่ แกน่ะ ระวังเดียวจะโดนยัยจินตนากัดซะก่อน” ศักดิ์ชัยตัดบท รีบลากแขนอาคิราที่ยังยืนมองค้อนอยู่ไป อาคิราเดินคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนรักจนถึงโรงละครของมหาวิทยาลัย  เธอสอดส่องสายตามองไปทั่วๆตามปกติ วันนี้ก็เหมือนทุกๆครั้งที่เธอมา ทุกคนกำลังท่องบทกันอย่างขะมักขะเม้น
“ยังไม่มามั้ง” ศักดิ์ชัยเอ่ยลอยๆ
“อะไร ใครยังไม่มา”อาคิราขมวดคิ้วถาม
“เอ้า ก็อาจารย์สุดสวาทขาดใจดิ้นของแกไง จินตนาน่ะ คิ คิ คิ”ศักดิ์ชัยแกล้งแซวเพื่อนเล่นๆ แต่อาคิราไม่เห็นเป็นเรื่องขำเหมือนเพื่อน เธอถอนหายใจเซ็งๆ
    “เอาน่า อีกไม่นานก็จบเรื่องแล้ว อีกหน่อยยัยนั่นคงเลิกจุ้นจ้านกะแกเองล่ะเชื่อชั้น” ศักดิ์ชัยปลอบเพื่อนเบาๆขณะที่ตัวเองก็เริ่ม สอดส่ายสายตามองเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่มาแสดงเป็นตัวประกอบไปด้วย
    “ให้จริงเถอะ” อาคิราเบ้หน้า แล้วก้มหน้าก้มตาทบทวน บทละครปึกหนาที่เธอเพียรพยายามอย่างหนักท่องจำมาเป็นเวลาร่วมเดือน

 “จารย์มาแล้ว จารย์มาแล้ว” เสียงรุ่นน้องที่อยู่หน้าประตูใหญ่ตะโกนบอกทุกคนในหอประชุมดังลั่น
    “เอาน่า.....สู้ๆ ไฟท์โตะๆ” ศักดิ์ชัยตบไหล่เพื่อนสาวเบาๆ พร้อมชูสองนิ้ว แอ๊บแบ้วดูน่ารักเต็มที อาคิราเจื่อนยิ้ม กพยักหน้าแล้ววิ่งไปรวมกลุ่มกับนักศึกษาคนอื่นๆ
“เอาล่ะค่ะ อีกไม่นานเราก็จะต้องแสดงจริงกันแล้ว ครูหวังว่าพวกเธอทุกคน คงจะจำบทของตัวเองได้ขึ้นใจ หรือได้ดีพอสมควรแล้วนะ เพราะฉะนั้นวันนี้จะเป็นการซ้อมองก์ใหญ่ที่ครูเคยบอกๆพวกเธอไปแล้ว ยังไงก็ขอให้แสดงเต็มทีเหมือนทุกๆครั้งนะ โอเค แยกย้ายกันไปเตรียมตัวได้อีก15นาที เราจะเริ่มซ้อมกัน” วันนี้จินตนามาแปลก อาคิราคิด ปกติจินตนาจะต้องมองเธอไม่ก็พยายามเข้าใกล้เธอ

    แต่วันนี้กลับแทบไม่สนใจมองเธอเลย หรือว่าจินตนาจะทำใจยอมรับได้ซักที หรือจะมาไม้ไหนอีก เธอเองก็สุดจะคาดเดา  อาคิราหันหน้าไปมองศักดิ์ชัยที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวหน้าสุด พลางส่งสายตาราวกับจะถามว่า “แกเห็นอย่างที่ชั้นเห็นหรือเปล่า” ศักดิ์ชัยเองก็เหรอหราไม่แพ้เพื่อนได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้เหมือนกัน
      “เอ้าๆนี่พระเอกละครไปไหนทำไมยังไม่มา ไม่รู้เวล่ำเวลาเลยรึไง” จินตนาอยู่ดีๆก็โวยวายขึ้นมาเมื่อไม่เห็นพระเอกละครเวที
    “เอ่อ อาจารย์คะ เอกไปส่งงานที่คณะค่ะ อีกเดียวคงมา” อาคิราบอกเบาๆ
    “เหรอจ๊ะ”จินตนาส่งยิ้มหวานมาทันที
    “ค่ะ” อาคิราตอบแล้วก้มหน้ามองบทให้มือต่อ คงทนรับสายตาหวานของอาจารย์สาวไม่ไหว
    การซ้อมบทยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดย จินตนาจะคอยบอกลักษณะและอารมณ์ของตัวละครที่ควรจะเป็น จัดท่าทางและแอคติ้งของนักแสดง และแน่นอนว่าอาคิราจะต้องถูกประคบประงมและได้รับการดูแลมากกว่าคนอื่นๆแน่นอน

“ค่ะค่ะ” อาคิราพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่จินตนาบอกโดยเร็ว
“โอเคนะ เข้าใจแล้วนะคะน้องอาย” จินตนายิ้ม และจำต้องยอมปล่อยมือของอาคิราที่ตัวเองกำลังจับอยู่
“ค่ะๆ”อาคิราหดมือตัวเองกลับแล้วก้มหน้า พยายามถอยห่างออกจากอาจารย์สาวให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“หนีไม่พ้นหรอก” จินตนาคิดขณะที่เธอเองก็ต้องสนใจนักศึกษาคนอื่นๆบ้าง
“เอาล่ะๆพร้อมกันแล้วนะ” จินตนาตบมือเรียกทุกคนรวมตัว ขณะที่เอกเพิ่งจะวิ่งเข้ามาถึงโรงละคร พร้อมส่งยิ้มเก้อๆให้กับทุกคนด้วยความเกรงใจ
 “เอออาย มีคนมาหาแน่ะ” เอกฉีกยิ้มกว้างพร้อมตะโกนบอก ก็คงจะไม่ต้องบอกว่าเป็นใครที่ไหน คุณหมอคนสวยของอาคิรานั่นเอง หมอแอมเดินตามหลังเอกเข้ามา พร้อมส่งยิ้มหวานๆทักทายอาคิราที่ยืนอยู่บนเวที
    อายส่งยิ้มกว้างให้พร้อมโบกมือให้ลูกสาวตัวเล็กของคุณหมอที่กำลังโบกมือให้เธอ

“คุณหมอ สวัสดีค่ะเอ้ย....สวัสดีครับ” ศักดิ์ชัยแกล้งแอ๊บแมน เดินเข้าไปหาคุณหมอแอม เธอยิ้มเมื่อเห็นท่าทางตลกๆของศักดิ์ชัย
    “สวัสดีค่ะน้องศักดิ์”
    อาจารย์สาวเริ่มไม่พอใจเมื่อดูเหมือนอายและหมอแอม จะเอาแต่มองหน้าแล้วก็ส่งยิ้มหวานกันไปมา เธอจึงเดินปึงปังเข้าไปหาแอมที่นั่งอยู่ข้างๆศักดิ์ชัยด้วยความไม่พอใจ
    “คุณ ขอโทษนะเรากำลังซ้อมละครกันอยู่ คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง กรุณารอข้างนอกค่ะรบกวนสมาธิของนักแสดงหมด” จินตนาตวาดเสียงดัง จนทุกคนบนเวทีถึงกับหันมามอง รวมถึงอายเองที่รีบวิ่งลงมาดูเหตุการณ์
    “แต่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่คะ แค่เข้ามารอ” แอมยิ้มแล้วดึงข้อมือ ของสาวตัวเล็กที่ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องว่า สองสาวนี้กำลังเปิดศึกชิงตัวเองอยู่แท้ๆมากุมไว้แทนคำตอบ
    “นั่นล่ะค่ะ ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัย แล้วฉันก็เป็นอาจารย์สอนที่นี่และเป็นผู้กำกับละครเรื่องนี้ ฉันมีสิทธิ์ที่จะให้ใครอยู่หรือไม่อยู่ก็ได้ และที่สำคัญคุณไม่ได้เป็นอะไรกับนักแสดงของฉันเลย....เชิญค่ะ”
 อาจารย์สาวพยายามสกัดอารมณ์ที่พุ่งพล่านเดือดดาลอยู่ภายใน เธอแสยะยิ้มมุมปากราวกับผู้ชนะ แถมยังพยายามจะดึงข้อมืออีกข้างของอาคิรากลับเสียด้วย
    หมอแอมกลับไม่ตอบโต้อะไรเอาแต่อมยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่ คิดจะแย่งอาคิราจากเธออย่างนั้นหรือรู้จักเธอน้อยไปเสียแล้วมั้ง เธอยิ้มแล้วมองหน้าจินตนาก่อนที่จะเอ่ยปากพูดช้าๆ
    “ฉันคิดว่าอาจารย์คงจะยังไม่เข้าใจ หรือยังไม่ทราบก็ได้มั้งคะ” แอมบอกอย่างท้าทาย “คุณหมายความว่าอะไรไม่เข้าใจ ไม่รู้อะไร เรื่องของอาคิรา ฉันเป็นอาจารย์ของเค้า ฉันรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเค้า คุณต่างหากไม่ทราบว่ารู้จักเด็กคนนี้ดีแค่ไหนถึงกล้าพูดแบบนี้” จินตนายังไม่ยอมง่ายๆ ความทรงจำครั้งก่อนที่ผู้หญิงคนนี้บังอาจขโมยหอมแก้มอาคิราของเธอต่หน้าต่อตา เธอย่อมยอมไม่ได้ ไม่มีทาง คนอย่างเธอไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด จินตนากำมือแน่น นึกอยากจะกรีดร้องระบายความอัดอั้น แต่นักศึกษานับสิบกำลังเพ่งความสนใจมาที่เธอและหมอแอม เธอจึงจำเป็นต้องทนให้ได้นานที่สุด
    “ก็ที่ อาจารย์พูดไงคะว่าฉันน่ะไม่ได้เป็นอะไรกับเด็กคนนี้” แอมยิ้มก่อนหันมามองหน้าซีดๆของอาย ที่ดูจะทำตัวไม่ถูกได้แต่ยืนเกาะแขนศักดิ์ชัยไว้ราวกับกำลังจะเป็นลมยังไงยังงั้น
    “แล้วมันไม่จริงหรือค่ะ.....เท่าที่ฉันทราบ น้องอาย เอ่อหมายถึงอาคิราจะมีก็แต่พี่ชายกับหลานชาย ซึ่งพี่ชายของเด็กคนนี้ฉันก็รู้จักและสนิทดี”
    “สนิท?” ศักดิ์ชัยเบ้หน้า กระซิบทวนคำที่จินตนาพูดหน้าตายให้อาคิราฟัง
    “นี่หล่อน แม่จินตนาเค้าไปสนิทกะพี่อาร์มตั้งแต่เมื่อไรย่ะ”
    “ชั้นจะไปรู้เหรอ” อาคิราตอบเสียงหง๋อหน้าซีด
“ใช่ค่ะ ฉันไม่ใช่ญาติแท้ๆของอายแต่...."
 "เป็นมากกว่านั้น.....” หมอแอมจงใจพูดโดยชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบให้พอแค่จินตนาได้ยิน จินตนากำมือแน่น ทั้งโมโหและหมั่นไส้มากขึ้น เมื่อหมอแอมดูจะไม่กระวนกระวายอะไรเลย เอาแต่ส่งยิ้มมาให้เธอ
    “คุณ...หมายความว่ายังไง” จินตนาเหลืออดแผดเสียงดังใส่หน้าหมอแอมอย่างห้ามไม่ได้
    “ฉันคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจนะคะ....อีกอย่างคุณอาร์มเองก็ฝากให้ฉันช่วยดูแลเด็กคนนี้เวลาที่เขาไม่ว่าง อย่างนี้น่าจะเรียกว่าเป็นผู้ปกครองก็น่าจะไม่ผิดนะคะ” แอมยิ้มใจเย็น แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม
    “จริงเหรออาย”จินตนาหน้าชาเธอจะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าหมอแอมโวยวายหรือมีอาการให้เธอเห็นบ้าง ไม่ใช่เอาแต่สงบเงียบโดยที่เธอไม่สามารถได้เลยว่าหมอแอมคิดอะไรอยู่ 
    “เอ่อ...ค่ะ..ใช่ค่ะ” อาคิราเองก็ไม่รู้ว่าอาร์มไปฝากฝังให้หมอแอมดูแลตัวเองตั้งแต่เมื่อไร แต่ก็เออออตามหมอแอมไปอย่างช่วยไม่ได้
    “ระ....เหรอคะ” จินตนาเริ่มหมดหนทาง “ทำยังไงดีจะทำยังไงดี” จินตนากัดริมฝีปากแน่นแต่ก็ยังไม่เบนสายตาหลบหมอแอม
    “แต่ถึงยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์”จินตนาเถียงข้างๆคูๆนั่นยิ่งทำให้หมอแอมยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม
    “ฉันว่าคุณรีบไปสอนพวกเด็กๆจะดีกว่ามั้งคะ อย่ามามัวเถียงเรื่องสิทธิ์กับฉันอยู่เลย เสียเวลาเปล่าๆค่ะ” แอมบอกอย่างสุภาพ แล้วยักคิ้วให้ศักดิ์ชัยที่แอบตบมือเบาๆให้กับเธอ “ไปซ้อมกันต่อดีกว่านะ เอ้าๆไปๆ ไม่มีอะไรแล้ว”ศักดิ์ชัยตะโกนบอกพวกรุ่นน้องและเหล่านักศึกษามุ่งที่กำลังยืนลุ้นอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

จินตนากัดริมฝีปากขณะเดินฟึดฟัดกลับขึ้นไปบนเวที  เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ อย่างน้อยๆสายตาหลายสิบคู่ก็กำลังจ้องมาที่เธอ หากทำอะไรกระโตกกระตากออกไปความน่านับถือในสายตาของลูกศิษย์คงจะไม่เหลือแน่
“อย่าคิดนะว่าจะจบแค่นี้” จินตนาคิด ขณะมองการซ้อมของเหล่านักศึกษาไปด้วย และแน่นอนว่าสายตาคู่คมกำลังจับจ้องการเคลื่อนไหว ของอาคิราอย่างไม่คลาดสายตา รวมถึงการแอบชำเลืองมองหมอแอมที่นั่งอมยิ้มดูการแสดงของอาคิราอยู่เช่นกัน
    “เป็นไงบ้างค๊าคุณหมอ ยัยอายนี่เก่งใช้ได้เลยเน๊อะ” ศักดิ์ชัยออกความเห็นให้หมอแอมฟัง
    “ค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าน้องอายจะเก่งขนาดนี้” แอมยิ้มแก้มแทบปริ แม้เธอจะไม่รู้เรื่องราวของบทละครเรื่องนี้มาก่อน แต่นั่นก็สะกดให้เธอคลาดสายตาจากการแสดงของอาคิราไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

จวบจนเวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงจินตนาจึงสั่งให้นักศึกษาทั้งหมดพักได้ ใครที่ซักซ้อมบทของตัวเองจนแม่นยำแล้ว รวมถึงพวกตัวประกอบ จินตนาก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ จะเหลือก็เพียงตัวละครหลักๆอย่าง พระเอกนางเอก และพวกเบื้องหลังอีกไม่กี่คนที่ต้องอยู่ซ้อมต่อ 

 “เอาล่ะ การแสดงของเราก็ใกล้เข้ามาทุกที เวลาที่เหลืออยู่เพียง สองเดือนกว่าๆนั้น ใช่ว่าจะเยอะเพราะฉะนั้นชั้นคิดว่าเราคงต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อให้พวกเธอมีสมาธิกันมากกว่านี้ ” จิตนาเกริ่นพูดให้ทุกคนได้ยินและนั่นรวมถึงหมอแอมด้วย

    “พวกเธอคงรู้ดีนะ ว่านี่เป็นงานใหญ่ของคณะเรา เพราะฉะนั้นจะเกิดผิดพลาดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด และจากการที่ครูได้ดูการซ้อมของพวกเธอแล้ว บอกได้เลยว่าพวกเธอยังต้องซ้อมอีกเยอะ ฉะนั้นในช่วงเดือนสุดท้าย พวกเธอต้องไปเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างจริงจัง” จินตนาเงียบเสียงไปเมื่อเริ่มมีเสียงบ่นพึมพำของนักศึกษาก่อนที่เธอจะพูดต่อไป

 “หวังว่าพวกเธอคงจะเข้าใจและพยายามกันให้เต็มที่ ส่วนเรื่องสถานที่นั้น ครูจะบอกก่อนถึงเวลา” หลังจากเธอพูดจบ ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกัน ถึงการเก็บตัวฝึกซ้อมในอีกสองเดือนข้างหน้า
“แต่....อาจารย์ครับ.....ช่วงนั้น มันปิดเทอมนะครับพวกผมว่า” นักศึกษาชายคนหนึ่งยกมือขึ้นออกความเห็น

“หรือพวกเธออยากจะตกวิชาชั้นแล้วไม่จบกันก็เลือกเอา เรื่องสำคัญขนาดนี้กับการเที่ยวเล่นตอนปิดเทอมของพวกเธอ....คิดว่าอะไรสำคัญกว่ากันล่ะ”จินตนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุดัน เล่นเอาทุกคนที่กำลังบ่นพึมพำเงียบเสียงลงในทันที


    “เป็นเรื่องแล้วไม๊ล่ะ” อาคิราคิดแล้วหันไปมองแอม
“เอาล่ะแยกย้ายไปซ้อมกันต่อได้ อีกชม.ฉันจะปล่อยกลับส่วนอาคิรา อะฮึ่ม!” จินตนาแกล้งกระแอมให้อายที่ยังสนใจมองหมอแอมอยู่ให้หันมามองเธอ
“คะ!” อายสะดุ้งก่อนจะยิ้มแหย๋ๆให้จินตนา
    “อายคงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย” จินตนาหยั่งเชิงถาม ทุกอย่างที่เธอทำลงไปก็เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับอาคิรามากขึ้น แต่ถ้าเจ้าตัวไม่ไป ทุกอย่างก็คงจะหมดความหมาย เพราะฉะนั้นเธอต้องแน่ใจว่าอาคิราจะไม่เบี้ยวงานนี้แน่นอน

    “คงอย่างนั้นมั้งคะ”อายลังเลตอบ ใครจะอยากไปกันล่ะ เรียนก็เหนื่อยไหนต้องซ้อมช่วงหลังเลิกเรียน ไหนจะใกล้สอบปิดเทอมแทนที่จะได้พักกลับต้องไปเก็บตัวฝึกซ้อมอีก
    “ทำไมต้องมั้งละคะ หือ”จินตนาพูดเบาๆพลางขยับตัวเข้าใกล้อาคิรา
“เออ....เพราะ.....อ๋อ เพราะปิดเทอมนี้อายว่าจะกลับบ้านที่เชียงใหม่น่ะค่ะ”เมื่อนึกอะไรไม่ออกเหตุผลที่ว่านี้คงจะฟังดูขึ้นที่สุดแล้วล่ะนะ

    “เชียงใหม่เหรอจ๊ะ หือดีๆ”จินตนายิ้มแป้นเหมือนนึกอะไรออก เธอตบมือเสียงดังให้ทุกคนที่กำลังฝึกซ้อมหันมามอง
    “ครูได้สถานที่เก็บตัวแล้วนะ ครูรู้ว่า ปิดเทอมพวกเธอคงจะอยากเที่ยวอยากพักคงไม่มีใครอยากจะอยู่ซ้อมละครเวทีเครียดๆแบบนี้หรอกจริงมั้ย เพราะงั้นการเก็บตัวครั้งนี้ครูจะให้พวกเธอได้เที่ยวด้วย” จินตนายิ้มพร้อมกับเสียงอื้ออึงของนึกศึกษาที่ดังขึ้นอีกครั้ง
    “อาจารย์จะพาพวกเราไปเที่ยวไหน...เอ่อ....ไปเก็บตัวที่ไหนครับ”นักศึกษาคนเดิมที่ถูกจินตนาดุเมื่อกี้เอ่ยถาม
    “เชียงใหม่ เป็นไงชอบกันมั้ย” จินตนายิ้มกว้าง ส่วนอาคิรากลับสะดุ้งเฮือก เอาล่ะสิแทนที่จะหาข้ออ้างเลี่ยงได้แท้ๆกลับเป็นตรงกันข้าม
    “เพราะฉะนั้นพวกเธอต้องตั้งใจกันให้มากๆหน่อยนะ”จินตนาว่าแล้วเดินกลับมาหาอาคิราที่ยืนอึ้งหลบอยู่มุมม่านริมขอบเวที
“ที่นี้คงจะไม่มีปัญหาแล้วนะจ๊ะ”จินตนายิ้มแล้วเดินจากไปทิ้งให้ยัยอายแสนโก๊ะ ยืนห่อเหี่ยวอยู่ที่สุดมุมเวทีนั่นเอง
        --------------------------------------------------------------------------------
    “เฮ้อ....เฮ้อ..เฮ้อออออ!!” อาคิราถอนหายใจยาวซ้ำไปซ้ำมาขณะนั่งอยู่บนรถ
    “เป็นอะไรไปคะ เอาแต่ถอนหายใจเป็นคนแก่เชียว”แอมยิ้มขำทักคนหน้าหวาน
“กลุ้มใจสิคะ พี่แอมไม่เห็นเหรอ ขนาดปิดเทอมอายยังต้องซ้อมละครเวที” อาคิราบ่นเนื่อยๆอย่างเบื่อหน่าย
“เหนื่อยเหรอคะ”แอมถามพลางลูบผมคนหน้างุ้มที่นั่งอยู่ข้างๆเบาๆราวกับต้องการปลอบโยน
“เรื่องเหนื่อยน่ะไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่เรื่องอื่นนี่สิ”อายอธิบาย
“เรื่องอื่น เรื่องอะไรคะ”
“ถึงขนาดนี้แล้ว....พี่แอมคงรู้แล้วใช่มั้ยคะว่า....ว่าอาจารย์จินตนาเขา....เอ่อ....เขา...”อาคิราตะกุกตะกักไม่กล้าพูดเรื่องของจินตนากลัวว่าหมอแอมจะคิดมากไปกับเธอด้วย
    “ชอบน้องอายใช่มั้ยล่ะคะ” แอมต่อท้ายประโยคให้ แต่สีหน้าก็ไม่ได้แสดงความกังวลให้เห็น
    “ก็ใช่น่ะสิคะ..พี่แอมทำไมดูสบายใจจังอายต้องไปเก็บตัวเป็นเดือนเชียวนะ หรือว่าพี่แอมไม่ห่วงอายเลยค่ะ” ว่าแล้วแม่สาวหน้าหวานก็พาลหาเรื่องคุณหมอคนสวยเอาดื้อๆ
    “ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ เรื่องที่น้องอายต้องห่างพี่แอมเป็นเดือนทำไมพี่แอมจะไม่ห่วงล่ะค่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องของอาจารย์คนนั้นพี่ไม่ห่วงเท่าไรหรอกค่ะ”แอมอมยิ้มอธิบาย ส่วนอาคิราที่ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่แอมพูดนักก็ชักสีหน้าไม่พอใจอีกตลบ

“ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ” อธิคาถามเสียงสูงไม่พอใจ
“ก็เพราะว่าพี่แอมรู้ว่าน้องอายชอบใคร....และน้องอายคงจะไม่เปลี่ยนใจไปชอบใครคนอื่นง่ายๆหรอกน่ะสิคะ หืม...ทีนี้เข้าใจหรือยังคะว่าทำไมพี่แอ มถึงไม่ห่วง อีกอย่างพี่แอมมีสปายฝีมือดีไปด้วยทั้งคน”แอมหัวเราะขำๆอธิบายให้คนนั่งข้างๆฟัง
    “มีสปายด้วยเหรอคะ...ใครคะใคร....ใคร” อาคิราทำสีหน้าอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที
    “ก็น้องศักดิ์ไงคะ ว่าแต่ไปเชียงใหม่กลับมาอย่าลืมของฝากของพี่แอมด้วยล่ะ” แอมอธิบายให้คนช่างสงสัยฟัง

    “นึกว่าใคร ที่แท้แอบไปตกลงกันมาเรียบร้อยแล้วนี่เอง”อาคิรายิ้มขำเมื่อรู้ว่าเพื่อนซี้ของเธอกลายเป็นสปายของคุณหมอคนสวยไปซะแล้ว
    “ว่าแต่....อายไปตั้งเดือนหนึ่งพี่แอมจะไม่คิดถึงอายบ้างเลยเหรอค๊า....”ว่าแล้วก็แกล้งหยั่งเชิงถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆที่เหมือนจะไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนอะไรเลยที่จะต้องอยู่ห่างเธอเป็นเดือน

    “คิดถึงก็โทรหากันได้นี่คะ ไม่เห็นเป็นไรเลยแค่เดือนเดียวเอง น้องอายต้องตั้งใจต้องมีสมาธิให้มากๆขืนมามัวคิดถึงกันอยู่แบบนี้แล้ว น้องอายจะมีสมาธิเต็มที่ได้ยังไงล่ะคะ” คุณหมอคนสวยพยายามอธิบายให้คนขี้งอนนึกถึงเหตุผล ซึ่งอาคิราก็พยักหน้าเข้าใจอย่างว่าง่ายและไม่คิดจะถามอะไรทำนองนี้อีก

--------
ได้เรื่องมั้ย” เสียงเรียบๆเอ่ยถามราวกับไม่ต้องการอยากรู้ความเป็นไปเท่าไรนัก แต่ภายในใจกลับเต้นโครมครามจนยากจะควบคุม
“ครับทุกอย่างที่คุณแพรต้องการทราบอยู่ในนี้ทั้งหมด”ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานตอบด้วยความอ่อนน้อมยำเกรง

“ขอบใจนะ....ไปได้เดียวชั้นดูเอง”แพรวาสั่ง หลังจากชายคนนั้นออกไปจากห้องของเธอแล้ว เธอก็รีบคว้าแฟ้มสีดำสนิทที่อยู่ตรงหน้า เปิดดูด้วยความอยากรู้ความตื่นเต้นและความยินดี
    ภายในแฟ้มบรรจุไปด้วยข้อมูลตัวหนังสือหลายสิบแผ่น พร้อมรูปภาพแอบถ่ายอีกจำนวนหนึ่ง เธอค่อยๆพิจารณาดูรูปแต่ละใบด้วยรอยยิ้ม ทันทีที่ได้เห็นคนที่เธอรักอยู่ในรูป ความสุขก็เกิดขึ้นเอ่อล้นหัวใจอันแสนแห้งผากของเธออย่างช้าๆแพรวาค่อยๆไล้มือไปบนรูปแต่ละใบด้วยความอิ่มเอมใจ

    “ไม่เปลี่ยนไปเลยนะอาย” แพรวาพึมพำบอกกับรูปของอาคิราที่กำลังหัวเราะร่าเริงโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกแอบถ่ายรูปไว้
    หลังจากดูรูปทุกใบซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ แพรวาจึงหยิบเอกสารที่แนบมาด้วย อ่านไล่ไปทีละประโยคช้าๆ เธออยากรู้ว่าตลอดระยะเวลาที่เธอไม่อยู่ อาคิราทำอะไรบ้างอย่างไรกับใคร แล้วยังคงนึกถึงเธอบ้างหรือเปล่า..

แพรวานั่งอ่านเอกสารทั้งหมดอยู่เป็นเวลานานด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเมื่ออ่านมาถึงเรื่องราวในช่วงหนึ่งเดือนก่อนที่เธอจะกลับมาเมืองไทยแค่ไม่กี่วัน อาคิราประสบอุบัติเหตุเพราะ ช่วยเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆไว้คนหนึ่ง และเรื่องราวต่อจากนั้นก็ยิ่งทำให้แพรวามีสีหน้าตึงเครียดมากกว่าเดิม หลังจากที่เธออ่านจบ เธอก็หยิบรูปของอาคิราขึ้นมาดูอีกครั้ง พร้อมพึมพำกับรูปใบนั้นเบาๆ
    “พี่จะทำให้อายกลับมารักพี่อีกครั้ง ไม่ว่าจะต้องทำให้ใครเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม” แพรวาเปรยเบาๆ และเหลือบมองผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในรูปถ่าย ที่ยืนเคียงข้างอาคิราของเธอ 

สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่าผ่านไปอย่างเชื่องช้า การสอบปลายภาคอันแสนทรหดกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งเหล่าบรรดานักแสดงละครเวทีของจินตนา ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาซ้อมอย่างเอาจริงเอาจัง สร้างความพอใจให้กับคณะของอธิการบดีและอาจารย์หลายท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมการฝึกซ้อม 
    และเสียงชมเชยส่วนใหญ่ก็เป็นของใครไปเสียไม่ได้นอกจากตัวเอกของละครเรื่องนี้ อาคิรายิ้มน้อยๆด้วยความดีใจ และคิดว่าถ้าลองถึงขนาดอธิการบดีเอ่ยปากชมแล้ว วิชานี้จินตนาคงจะหาข้ออ้างมาทำให้เธอไม่ผ่านไม่ได้อีกแล้ว
    “ทุกคนพยายามเข้านะครูเอาใจช่วย”อธิการเอ่ยกับคณะนักแสดงก่อนจะกลับออกไปพร้อมจินตนาที่คอยตอนรับขับสู้อย่างดี
    “โล่งเลยสิแก งานนี้แกดังแน่ อายเอ๋ย” ศักดิ์ชัยเดินเข้ามาใกล้พร้อมกระซิบบอกเพื่อนรักเบาๆ
    “ขอให้เป็นอย่างที่แกว่าทีเถอะ ว่าแต่พรุ่งนี้แกจะไปติวหนังสือกับชั้นมั้ย”อาคิราเอ่ยชวน แม้ละครเวทีจะไปได้สวยและวี่แววว่าเธอจะผ่านวิชานี้แล้วก็ตามที่ แต่เธอยังมีภาระต้องรับผิดชอบในวิชาอื่นๆอีก และนั่นก็ชักจะทำให้แม่สาวหน้าหวานของเราเกิดอาการคิดหนักขึ้นมาอีก
    “ต๊ายยย ขยันนะย่ะมีตงมีติว ปกติไม่เห็นจะสนใจว่าแต่ใครจะติวให้ใครละย่ะ ชั้นกับแกก็งูๆปลาๆด้วยกันทั้งคู่ ขืนติวกันเองมีหวังได้เอฟกันทั้งคู่พอดี”ศักดิ์ชัยเบ้หน้าเมื่อนึกถึงวิชาที่จะต้องสอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

    “ฉันหาคนติวให้ได้แล้วน่า รับรองผ่านฉลุย” อาคิรายิ้มกริ่มบอกเพื่อนขณะเดินลงไปนั่งพักที่ด้านล่างเวที
“คร๊ายใครย่ะ แล้วผู้ชายหรือเปล่า หล่อไม๊มีแฟนยังบอกมาให้หมดเดียวนี้นะย่ะ”ศักดิ์ชัยพล่ามยาวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
    “ใจเย็นๆสิไปติวนะ ไม่ได้ไปจับผู้ชาย” อาคิราว่าเพื่อนขำๆแล้วจึงยกน้ำขึ้นดื่มเพื่อคลายความกระหาย
    “กรี๊ดดดด อย่าลีลาได้มั้ยหล่อนบอกมาเดียวนี้”ศักดิ์ชัยสะบัดสะบิ้งกระตืบเท้าปึงปังด้วยความอยากรู้
“ก็.....พี่แอมไง ฮาฮ่าฮา อึ้งเลยเหรอ” อาคิราขำกับสีหน้าของเพื่อนที่หุบยิ้มลงแทบจะในทันทีที่รู้ว่าใครจะมาติวให้
    “สนุกนะย่ะที่ได้แกล้งเพื่อนเนี่ย ถ้าเป็นคุณหมอล่ะก็ชั้นไม่ไปเป็นกขคงจ...แกหรอกย่ะ เชิญไปสวีทวี้ดหวิ้วกันสองคนเถอะย่ะ” ศักดิ์ชัยค้อนตาคว่ำไม่พอใจเพื่อนรัก
“แต่......” อาคิราพูดต่อหรี่ตามองเพื่อนรักเล็กน้อย
    “แต่อะไรอีกล่ะย่ะ”
    “พี่แอมเค้าชวนเพื่อนมาช่วยติวด้วย พี่วินด์น่ะ.....และที่สำคัญเป็นผู้ชาย”
“วินด์ วินด์ไหนย่ะหล่อไม๊” และนั่นก็ทำให้ศักดิ์ชัยเบิ่งตาโพล่งด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พี่วินด์เค้าก็เป็นหมอเหมือนพี่แอมแหละแต่สนิทกันเวลาพี่แอมอยู่เวรดึกพี่วินด์จะมาดูแลน้องเมย์ให้”อาคิราอธิบาย
“อุ๊ยตาย ว๊ายกรี๊ด อกคนสวยจะแตกเป็นหมอซะด้วยอย่างงี้ต้องหล่อชัวร์ ใช่มั้ยย่ะ”ศักดิ์ชัยทำตาเยิ้มเพ้อฝันให้อายที่ลงไปหัวเราะงอหายกับท่าทางของเพื่อนรักจนน้ำตาไหล
“กะก็คงหล่อมั้ง ว่าไงตกลงจะไปหรือไม่ไปถ้าไม่ไปก็ดี ชั้นจะได้ไปคนเดียว”
“ดะเดียวๆสิย่ะ ใครบอกไม่ไป ไปสิกี่โมงนัดมาเลยชั้นจะได้เตรียมตัว”

”ไปติวนะไม่ได้ไปจับผู้ชาย แกนี่น้า......”อาคิราถอนหายใจเมื่อดูท่าเพื่อนรักจะอาการหนักซะแล้ว
“ก็คงเป็นพรุ่งนี้อะ ราวๆเก้าโมงเช้าแกจะมารับชั้นหรือจะต่างคนต่างไปเจอกันที่บ้านพี่แอมเลย”
“ชั้นมารับแกก่อนดีกว่าแล้วค่อยไปพร้อมกัน อะเคมั้ยย่ะ”
    “ยังไงก็ได้ งั้นชั้นโทรไปบอกพี่แอมก่อนนะว่าแกจะไปด้วย” อาคิรายิ้มแป้นแล้วรีบคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงขึ้นมากดเบอร์ที่เธอจำได้ขึ้นใจอย่างแม่นยำด้วยความคล่องแคล่ว
    “ไม่ได้เลยนะย่ะแหมๆ โทรหาหมอแอมเนี่ย หน้าบานเชียวนะ..เก็บอาการหน่อยสิหล่อน เป็นสาวเป็นนางน่ะ”ศักดิ์ชัยหรี่ตามองค้อน ส่วนอาคิราก็ได้แต่ส่งสายตามาแทนคำตอบราวกับจะบอกว่า “ตะกี้ที่แกทำน่ะ กุลสตรีมากเลยนะ”

    อายรอรับโทรศัพท์อยู่ได้ไม่นาน ปลายสายก็ตอบรับ
    “ว่าไงคะ” เสียงหวานๆที่ออกมาจากปลายสายแทบทำให้เธอยิ้มไม่หุบ จนต้องรีบปลีกตัวหลบสายตาของเพื่อนสาวไปยืนคุยเงียบๆคนเดียวที่มุมเวที
    “ก็.....คิดถึงไงคะถึงโทรมา” อาคิราหัวเราะตอบไป
    “ไม่ต้องมาปากหวานเลยนะอยู่ที่ไหนคะ หรือยังซ้อมละครไม่เสร็จ” แอมยิ้มหัวเราะหน้าแดงและขำกับคำพูดของคนขี้เล่น
    “ยังเลยค่ะคงอีกซักพัก อ้อ....อายจะโทรมาบอกพี่แอมว่า เรื่องติวพรุ่งนี้น่ะค่ะว่าเป็นตอนเก้าโมงเช้าจะได้มั้ย”
    “ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะแต่วินด์อาจจะมาเย็นๆนะ เห็นบอกพรุ่งนี้ช่วงเช้าอาจจะไม่ว่าง แล้วจะมายังไงคะให้อาร์มมาส่งหรือจะให้พี่แอมไปรับที่บ้านดี”
    “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดียวอายไปกับนังศักดิ์เองก็ได้ พรุ่งนี้ศักดิ์จะมารับอายน่ะค่ะว่าแต่พี่แอมลงเวรหรือยังคะ”อาคิราถามกลับถึงงานของหมอแอมบ้าง “ยังเลยค่ะ ไม่งั้นวันนี้พี่แอมว่าจะแวะไปหาน้องอายที่มหาลัย อยากเจอจังเลยค่ะ”แอมอมยิ้มก่อนจะหยอดคำหวานให้ปลายสายได้อึ้งหน้าแดงเป็นลูกตำลึงโดยไม่รู้ตัว
    “อายก็....ก็.....ก็อยากเจอพี่แอมเหมือนกัน” อาคิราตอบตะกุกตะกัก
    “งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะคะ อ่ะ เดียวพี่แอมต้องไปดูคนไข้แล้วแค่นี้ก่อนนะคะ” แอมพยักหน้าให้พยาบาลที่มาตามเธอ แล้วจึงพูดตอบอาคิรา
    “ค่า พรุ่งนี้เจอกันค่ะ อ้อ พี่แอมคะ!!?!!!.”
    “ค๊ะ ว่าไงเอ่ย”แอมตอบขณะเก็บเอกสารบนโต๊ะไปด้วย
    “ที่อายบอกว่าคิดถึงเมื่อกี้ อาย....อายคิดถึงพี่แอมจริงๆนะ” อาคิราลุกลี้ลุกลนตอบ นึกขำตัวเองไปด้วยว่าพูดแบบนั้นออกไปได้อย่างไร
    ส่วนคุณหมอคนสวยก็มีอาการไม่ได้ต่างจากคนบอกคิดถึงเท่าไรนัก แอมชะงักเล็กน้อยด้วยใบหน้าอายๆก่อนจะตอบกลับไปเบาๆ
    “ค่า พี่แอมรู้แล้ว พี่แอมก็คิดถึงน้องอายค่ะ”
    “งั้นพรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
    “ค่ะ....คืนนี้หลับฝันดีนะคะน้องอาย บายบายค่ะ”
    “ค่ะ ฝันดีค่ะพี่แอม” อาคิรากดวางสายพร้อมหัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม.... คืนนี้สาวหน้าหวาน คงจะหลับฝันดีอย่างไม่ต้องสงสัย
เช้าวันหยุดแสนสดใสย่างกรายเข้ามาพร้อมความมึนงงของทั้งพี่ชายและหลานชาย อาร์มแทบสำลักกาแฟ ส่วนเจ้าข้าวก็ถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นอาสาวเดินนวยนาดลงมาจากชั้นบนตั้งแต่ยังไม่เก้าโมงเช้า
    “อาอายเมื่อคืนกินยาลืมเขย่าขวดเหรอตื่นเช้าขนาดนี้เนี่ย”
เจ้าข้าวแขวะใส่ แต่อาคิราดูจะทำเป็นไม่ได้ยิน วันนี้เธอดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  ดังนั้นเสียงเล็กๆของเจ้าหลานชายตัวดี จึงไม่สามารถโกนโทสะเธอได้สำเร็จ
    อาคิราเดินอมยิ้มฮัมเพลง เปิดตู้เย็นรินนมสดรสกาแฟอันเป็นรสโปรดขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์
    “มีอะไรดีๆเหรอเรา ตื่นแต่เช้าได้เนี่ย”อาร์มซักด้วยความสงสัย ต้องมีอะไรซักอย่างถึงสามารถทำให้น้องสาวจอมขี้เซาของเขาตื่นแต่ไก่โห่ได้แบบนี้

“ไม่มีอารายนี่ค๊า....อาคิรายิ้มกว้างตอบยานคาง เจ้าข้าวเห็นท่าทางอารมณ์ดีของอาสาวก็อดไม่ได้ที่จะค้อนใส่
“เดียวศักดิ์จะมารับอายไปติวหนังสือที่บ้านพี่แอมค่ะ.” อาคิรายังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บอกพี่ชายและหลานชายอย่างอารมณ์ดี
“อืม งั้นก็ไปเถอะเดียววันนี้พี่ว่าจะพาเจ้าข้าวไปตัดผม แล้วอาจจะแวะเข้าไปจัดการงานที่บริษัทนิดหน่อย มีอะไรก็โทรหาแล้วกัน” อาร์มยิ้มขำกับท่าทางแสนอ่านง่ายของน้องสาว

“ปิ๊นปิ๊น” แจ๊สสีเขียวมะนาวของเพื่อนซี้แสนสวย?บีบแตรรถเป็นสัญญาณว่ามาถึงแล้ว
“อ๊ะ ศักดิ์มาแล้วงั้นอายไปติวหนังสือก่อนนะคะคงกลับมืดๆ ”อาคิราบอก แล้วคว้าเป๋ใบเล็ก และหนังสือเรียนอีก หอบใหญ่ เตรียมออกจากบ้าน

“เออ อายฝากความคิดถึงถึงหมอแอมด้วยนะ” อาร์มตะโกนบอกน้องสาวขณะที่เธอกำลังจะขึ้นรถ
“ค่า....จะบอกกับเจ้าตัวด้วยตัวเองเลยค๊า” ว่าแล้วก็ส่งยิ้มหวานหยดมาให้พี่ชายที่หัวเราะขำเพราะเห็นท่าทางของเธอ

“แหมอารมณ์ดีเชียวนะย่ะ”ศักดิ์ชัยทนไม่ไหว อดที่จะกัดเพื่อนสาวที่ดูอารมณ์ดีเกินเหตุไม่ได้
อคิราไม่ได้โต้เถียงอะไรเพียงแค่หัวเราะอารมณ์ดีออกมา ก็จะไม่ให้เธออารมณ์ดีได้อย่างไร เธอและหมอแอมต่างคนต่างมีภาระที่จะต้องรับผิดชอบ ต่างไม่ว่างทั้งคู่เกือบอาทิตย์แล้วที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอหน้ากัน จะมีก็เพียงการโทรหากันบ้างเป็นบางครั้งเมื่อมีโอกาส  วันนี้เธอกำลังจะได้เจอคนที่เธอเฝ้าคิดถึงมาตลอดทั้งอาทิตย์ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่คนท่าทางแสนอ่านง่ายอย่างอาคิราจะดูอารมณ์ดี

“หมั่นไส้ ว่าแต่พี่วินด์มาแน่นะ” ศักดิ์ชัยกระแซะเรื่องที่ตัวเองอยากรู้บ้าง
“อือ” อาคิราตอบสั้นๆ แล้วในห้วงความคิดก็กลับไปนึกถึงใบหน้าสวยๆของหมอแอมไปตลอดทาง เวลาไม่นานนั้น แจ๊สเขียวมะนาวก็มาจดสงบนิ่งอยู่หน้าบ้านหลังเล็กที่มีรั้วเตี้ยๆสีขาวสะอาดตา

    อาคิราบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยเล็กน้อยแล้วจึงเดินไปกดออดที่ประตูหน้าบ้าน
“ใครคะ” เสียงหวานๆแบบนี้คงจะเป็นของใครไปเสียไม่ได้นอกจากคุณหมอคนสวยเจ้าของบ้านนั่นเอง
“คนทวงหนี้ค่ะ”อาคิรายิ้มแก้มแทบปริแล้วแกล้งตอบไป

“อ๊ะ เดียวเถอะ มาถึงนานหรือยังคะน้องอาย”แอมอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของคนขี้เล่นตอบกลับมา
“ก็มาถึงเดียวนี้ไงคะ หรือพี่แอมคิดว่าอายยังนอนกลิ้งอยู่ที่บ้านอะ”อาคิรายังไม่หยุดกวนง่ายๆ ขอแกล้งคนน่ารักของเธอซักนิดให้หายคิดถึงซักหน่อยก่อนเจอหน้าก็ยังดี
“แน่ะ เด็กคนนี้ รอแป๊บนะคะพี่แอมแต่งตัวอยู่เดียวเปิดประตูให้ค่ะ”แอมว่าพลางคว้าเสื้อยืดสีขาวสวมก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้จอมกวนที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
ทันทีที่สองสาวเจอกัน ก็เอาแต่ส่งยิ้มกันไปมา จนศักดิ์ชัยชักทนไม่ไหว(อยากเจอผู้ชาย)ต้องแกล้งกระแอมให้ทั้งสองคนเลิกจ้องกันเสียที

    “เอาหนังสือไปว่างที่สวนหลังบ้านนะคะ เดียวพี่แอมยกน้ำไปให้” แอมยิ้มเขินๆบอกศักด์ชัย
“เอ่อ น้องอายคะมาช่วยพี่เตรียมขนมกับน้ำหวานในครัวหน่อยได้ไหมคะ” แอมบอกอาคิราที่กำลังจะเดินตามศักดิ์ชัยไปหลังบ้าน

“ได้ค่ะ” อาคิรายิ้มหวานพลางเดินตามแอมไปในครัว
“น้องเมย์ไปไหนคะพี่แอม อายยังไม่เห็นเลย”อาคิราชวนคุยขณะที่เดินตามหลังหมอแอมเข้าไปในครัว
“ไปเล่นกับเพื่อนข้างบ้านน่ะค่ะ เดียวใกล้ๆเที่ยงก็คงกลับ” แอมว่าแล้วหันไปมองคนหน้าหวานที่ยังยิ้มน้อยๆอยู่

“ค๊ะ?” อายชะงักเมื่ออยู่ดีๆหมดแอมก็หยุดเดินแล้วหันมาจ้องหน้าเธอแทน
    “คิดถึงจังเลยค่ะ”แอมว่าแล้วรวบคนตัวเล็กตรงหน้ามากอดไว้แน่น จนอาคิราได้กลิ่นสบู่อ่อนๆโชยออกมาจากตัวของหมอแอม ก่อนที่หมอแอมจะจูบไปบนแก้มนุ่มๆของคนในอ้อมแขนให้หายคิดถึงที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นอาทิตย์

    “อายก็คิดถึงค่ะ”อาคิราเอ่ยเบาๆในอ้อมกอดของคนตรงหน้า  แอมอมยิ้ม คลายอ้อมกอดแล้วมองหน้าคนตัวเล็กให้เต็มๆตาก่อนจะจูงมือกันเข้าไปในครัว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น