โดยไม่ต้องรอให้อนุญาตมือเล็กตรงหรี่ไปที่ห่อขนมทันทีพร้อมฉีกซองอย่างไม่รอช้า
“ตายแล้วน้องอาย ดูทำเข้าจะทานขนมล้างมือหรือยังคะ”แอมว่าเสียงดุๆพร้อมมุ้ยหน้าให้คนที่ทำไม่รู้ไม่ชี้หยิบขนมใส่ปากเคี้ยวกร๊วมกร๊ามไปแล้วหลายชิ้น
“ไม่ทันแล้วละคะพี่แอม เชื้อโรคแค่นี้ไม่ครณาพุงอาคิราหรอก”อายคุยโตพลางเดินมาหาหมอแอมที่กำลังละลายน้ำหวานเข้มข้นกับน้ำเปล่าลงเหยือก
“ขอหวานๆน้าค๊า...” อายยืนพิงเคาเตอร์ครัวบอกสาวสวยข้างๆที่กำลังค้นให้น้ำหวานละลาย
“แค่นี้ยังหวานไม่พออีกเหรอคะ”แอมอมยิ้มแล้วแกล้งยื่นหน้าไปถามคนตัวเล็กข้างๆให้ได้อายม้วนหน้าแดงเสียบ้าง เรื่องอะไรจะยอมให้คนจอมกวนแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวกันล่ะ
“พี่แอมอ่ะ....อายหมายถึงน้ำหวานไม่ใช่อย่างอื่นซักหน่อย” ตัวต้นเหตุก้มหน้าซ่อนความอายตอบเบาๆ
“น้องอายช่วยหยิบถุงน้ำแข็งในตู้เย็นให้ทีสิคะ”แอมบอก คนข้างๆจึงละสายตาเดินไปที่ตู้เย็นซึ่งอยู่ไม่ไกล แล้วจึงสังเกตเห็น รูปที่อยู่ในกรอบสีสดใสวางไว้หลังตู้เย็น
รูปใบไม่ใหญ่นักแต่นั่นก็เรียกร้องความสนใจของคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี เธออมยิ้มเมื่อเห็นรูปถ่ายของหมอแอม แต่ดูจาก การแต่งกาย แล้วน่าจะเป็นรูปตั้งแต่สมัยหมอแอมยังเป็น นศ.แพทย์อยู่ หมอแอมยืนระบายยิ้มน้อยๆอยู่ตรงกลาง โดยมีนศแพทย์คนอื่นยืนทำท่าทะเล้นเล่นกล้องอยู่ล้อมรอบ ทุกคนดูสนุกสนานเฮฮา บรรยากาศเหมือนไปออกค่ายอาสาที่ไหนซักแห่ง เพราะเธอเห็นชาวบ้านหลายคนอยู่ในฉากด้านหลัง
อาคิรายิ้มที่เห็นความน่ารักสดใสของหมอแอม แต่ในทันทีที่เห็นอีกคนที่ยืนอยู่ที่มุมภาพ เธอก็หุบยิ้มแทบจะในทันที เธอมุ่ยหน้าพลางย่นจมูกแลบลิ้นล้อเลียนเด็กสาวคนนั้น ในภาพ เด็กสาวคนนั้นไม่ได้สนใจจะมองกล้องเลย แต่กำลังจ้องหมอแอมของเธอมากกว่า แถมยังยิ้มหวานอีกยิ่งเห็นก็ยิ่งขัดตาขัดใจอาคิรามากขึ้น และอาคิราก็จำได้ในทันทีว่าเด็กคนนั้นคือ ฟ้า คนที่เธอเจอที่สวนสนุกคราวที่แล้ว และดูจะสนิทสนมกับหมอแอมมากด้วย
ไม่ต้องคิดให้เหนื่อยความ ปรอทความหึงของอาคิราก็ทำงานในทันทีโดยไม่ต้องรออุ่นเครื่อง
“พี่แอมคะ”อาคิราเอ่ยเรียกแต่ก็ยังจ้องที่รูปนั้นอยู่ “ว่าไงคะ” แอมตอบ แล้วเอี้ยวตัวมามองเจ้าของเสียง
“พี่แอมกับพี่ฟ้านี่สนิทกันมากเลยเหรอค่ะ” อาคิราไม่รอช้ารีบยิงคำถามทันที แอมเอียงคอทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆคนตัวเล็กก็ถามถึงรุ่นน้องของเธอ
“ก็สนิทกันมากค่ะ ทำไมเหรอ” แอมตอบแล้วเดินไปหาคนตัวเล็กที่ยังจ้องมองรูปใบนั้นตาไม่กระพริบ
“อ๋อ รูปตอนพี่แอมไปออกค่ายอาสาที่ จ.เลยกับเพื่อนๆน้องๆนศ.แพทย์น่ะค่ะ”แอมอธิบายเมื่อรู้ที่มาว่าอาคิรากำลังมองรูปใบนั้นอยู่
“น่าสนุกจังเลยนะคะ”อายเปรยเบาๆ
“สนุกมากเลยค่ะได้ช่วยชาวบ้าน ได้สร้างห้องสมุดให้เด็กๆแต่ก็เหนื่อยมากเหมือนกัน ไม่เหมือนฟ้า น้องฟ้านี่เก่งมากๆเลยนะคะ ทำงานเยอะกว่าใครเพื่อน แถมยังต้องคอยดูแลตอนพี่แอมไม่สบายเป็นไข้ตอนนั้นด้วย เก่งจริงๆแล้วก็นิสัยดีมากๆด้วยนะคะ” แอมเล่าอย่างชื่นชมแล้วนึกถึงอดีตตอนที่เธอไปออกค่ายอาสา โดยไม่ได้รู้เลยว่า ปรอทความหึงของอาคิราได้แตกโพล๊ะลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อหมอแอมพูดถึงคนอื่นอย่างชื่นชมโดยไม่ล่วงรู้เลยว่าคนข้างๆไม่พอใจขนาดไหน
“เหรอคะ” อาคิราตอบห้วนๆแล้วเปิดตู้เย็นหยิบถุงน้ำแข็งเดินไปว่างไว้ที่เคาเตอร์ครัว ไม่สนใจจะมองรูปใบนั้นอีก ทำเอาคุณหมอคนสวยเกิดอาการงงขึ้นมาทันทีกับอารมณ์ของคนตัวเล็กที่ช่างเปลี่ยนแปลงง่ายดายเหลือเกิน เธอทำอะไรให้คนตัวเล็กไม่พอใจอีกหรือเนี่ย หมอแอมถอนหายใจแล้วเข้าไปตะครองกอดคนตัวเล็กที่ยังก้มหน้างุดราวกับหาเศษเหรียญที่ตกอยู่ก็ไม่ปาน
“พี่ฟ้านี่เก่งจริงๆนะคะ ไม่เหมือนอายเลยซักนิด ไม่ได้เรื่องอะไรเลยซักอย่าง” อาคิราตัดพ้อตัวเองเบาๆ แอมอมยิ้มถอนหายใจขณะกระชับวงแขนของตัวเองแน่นขึ้น นึกว่าเรื่องอะไรที่แท้ก็แค่อิจฉาคนในรูปนี่เอง หมอแอมอมยิ้ม “แต่คนไม่ได้เรื่องคนนี้ พี่แอมก็รักที่สุดแล้วนี่คะ” ประโยคหวานๆราวกับต้องการง้อคนขี้งอนให้หายจากอาการไม่พอใจตัวเองดูเหมือนจะได้ผล “ทำไมพี่แอมถึงชอบอายล่ะค่ะ....ทั้งๆที่....ทั้งๆที่อายไม่ได้เรื่องซักอย่าง ขี้งอนก็เท่านั้น โก๊ะก็เท่านั้น แถมยังซุ่มซ่ามอีก” อาคิรามุ่ยหน้าหวานๆพลิกตัวกลับมามองหน้าคุณหมอคนสวยอย่างต้องการคำตอบ
“อืมนั่นสิ...ทำไมกันน้า...” แอมแกล้งทำท่านึก มองไปทางอื่น ทำเอาคนในอ้อมกอดที่ลุ้นคำตอบอยู่ในใจจะขาด คิ้วขมวดใส่เข้าให้ หมอแอมถึงระบายยิ้ม ก้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าขาวๆที่แดงระเรื่อเพราะความอาย แล้วกระซิบบอกเบาๆ “พี่แอมไม่มีเหตุผลในการที่จะรักใครซักคนค่ะ....พี่แอมรู้แค่ว่า พี่แอมอยู่กับน้องอายแล้วพี่แอมมีความสุข เวลาไม่เจอหน้าน้องอายแล้วพี่แอมทรมานแค่นั้นเอง”
หลังจากบอกประโยคหวานๆแล้ว แอมก็ก้มหน้าลงเข้าใกล้กว่าเดิม มองสบตาคนตัวเล็กในอ้อมกอดเนินนาน ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวคนในอ้อมแขนแล้วมอบจุมพิตลงบนริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน นุ่มนวล อาคิรารู้สึกราวกับว่าเรื่องที่เธองอน เรื่องที่เธอคิดไม่พอใจคนๆนี้เป็นเรื่องไร้สาระที่สุด ที่ไม่สมควรทำแม้แต่น้อย คนที่กำลังมอบจูบแสนหวานให้เธอนี้ รักเธอถึงขนาดนี้เชียวเหรอ คุณหมอคนสวยค่อยๆชิมความหอมหวานของริมฝีปากบางแผ่วเบา ก่อนที่จะใจกล้ามากขึ้น ค่อยๆละเลียดเลียริมฝีปากของคนตัวเล็ก จนอีกฝ่ายคล้อยตามและเผยอเปิดริมฝีปากให้อีกคนค่อยๆสอดลิ้นอุ่นเข้าไปดื่มด่ำกับความหวานภายใน จากปลายลิ้นสู่ปลายลิ้น การหยอกล้อไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง จนแอมต้องเป็นฝ่ายถอนจุมพิตแสนอ่อนหวานออกไปเอง คนตัวเล็กราวกับยังไม่พอใจกับสัมผัสที่อีกคนมอบให้ อาคิรายื่นหน้าเข้าไปใกล้เหมือนต้องการสัมผัสนั้นอีกครั้ง แอมอมยิ้มแล้วแกล้งดีดหน้าผากคนตรงหน้าเบาๆให้คืนสติ อาคิราลืมตาพลางลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ด้วยความเขินอาย
“อายเจ็บนะ” อาคิรารีบเปลี่ยนสีหน้าแก้เขิน ทั้งๆที่เขินจนแทบจะพูดอะไรไม่ออกอยู่แล้ว “มาค่ะ ช่วยพี่แอมยกน้ำหวานกับขนมดีกว่า ป่านนี้น้องศักดิ์รอแย่แล้ว”แอมอมยิ้ม เธอรู้ว่าคนตัวเล็กต้องกำลังอายมากอยู่แน่ๆ จึงแกล้งชวนคุยเรื่องอื่นแทน“ก็ใครล่ะคะที่ทำให้เสียเวลา” อาคิรางุดหน้าตอบเบาๆ แล้วคว้าถาดใส่ขนมเดินนำหน้าหมอแอมออกไป
“โห้ยหล่อน ไปเอาขนมที่ขั้วโลกหรือไงย่ะ ถึงได้ช้าขนาดนี้เนี่ย” ศักดิ์ชัยค้อนประหลับประเหลือกให้เพื่อนรักที่ยังก้มหน้าซ่อนอาการอาย เดินแทบไม่มองทางนั่งลงข้างๆเธอ ตามมาด้วยหมอแอมที่เดินถือถาดน้ำหวานตามออกมา
“เป็นอะไรย่ะหล่อน” ศักดิ์ชัยแกล้งกระแซะถาม “สงสัยจะมีไข้นิดหน่อยน่ะค่ะเห็นหน้าแดงๆ” แอมอมยิ้มแกล้งแซวคนข้างๆ
“พี่แอ๊มมมมม” อาคิราเบ้หน้าแว๊ดเสียงใส่ พลางนึกว่าถ้าเป็นไข้ก็เพราะใครกันล่ะที่เป็นคนทำ
“เอ๊ะๆ สองคนนี้มีอะไรรึเปล่าเอ่ย” ศักดิ์ชัยก็ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องราวซะทีเดียว ระหว่างที่เจ้าหล่อนนั่งรออยู่ข้างนอกต้องเกิดอะไรขึ้นภายในบ้านอย่างไม่ต้องสงสัย
“เอาล่ะค่ะ มาเริ่มติวกันดีกว่า มาค่ะวิชาไหนขอพี่แอมดูหน่อย” หมอแอมรีบเปลี่ยนเรื่องไม่อยากแกล้งคนตัวเล็กให้รู้สึกอายมากไปกว่านี้
เย็นวันนั้นวินด์ก็มาตามที่นัดไว้ ศักดิ์ชัยที่ดูอ่อนระโหยโรยแรงมาทั้งวันก็กลับมาสดใสซาบซ่าทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราเกาหลีหลุดจากจอทีวีมายืนอยู่ตรงหน้า
“น้องศักดิ์นี่ เก่งนะครับ สอนนิดเดียวก็เข้าใจหมดแล้ว”วินด์เอ่ยชมเมื่อศักดิ์ชัยเข้าใจบทเรียนที่เขาสอน
“แหมมมม เพราะได้อาจาร์ยดีด้วยไงคะ” แล้วเจ้าหล่อนก็ส่งสายตาเพ้อฝันสุดๆให้อาจาร์ยหนุ่ม วินด์ได้แต่หัวเราะขำกับท่าทางของศักดิ์ชัย แอมและอายก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย
เวลาเกือบสามทุ่ม วินด์จึงขอตัวกลับก่อน เนื่องจากนัดแฟนสาวเอาไว้ เล่นเอาศักดิ์ชัยที่กำลังดี๊ด๋า เกิดอาการถ่านหมดเอาดื้อๆ อาคิรากำลังสาละวนช่วยหมอแอมล้างจานอยู่ในครัว โดยที่ศักดิ์ชัยก็รู้ดีว่าเพื่อนรักอยากอยู่สองต่อสองกับหมอแอมมากแค่ไหน เธอจึงชวนน้องเมย์เล่นเกมอยู่หน้าทีวีในห้องรับแขก ปล่อยให้สองสาวกระหนุงกระหนิงกันให้เต็มที่
“จะค้างมั้ยคะ” อยู่ดีๆแอมก็ถามขึ้น แถมยังส่งยิ้มหวานละลายใจสาวข้างๆให้ต้องออกอาการเหวอ ทำอะไรไม่ถูกอีกต่างหาก
“เห๋.....เอ่อ....คือ....เอ่อ....ดะ...ได้เหรอคะ” อาคิราถามกลับอึ้งๆใบหน้าแดงกล่ำ ทั้งๆที่ตัวเองก็เคยมานอนค้างที่นี่ตอนที่อาร์มไปสัมมนาตั้งเป็นอาทิตย์ ก็ยังไม่ตื่นเต้นเท่าตอนนี้ ตอนที่หมอแอมเอ่ยปากชวนเธอค้างด้วยตัวเอง
“แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ”
“เอ่อ...คือ” เอาอีกแล้วความตื่นเต้นเล่นงานอาคิราจนเจ้าตัวทำอะไรไม่ถูก พลางคิดเลยเถิดไปถึงไหนๆถ้าอยู่ค้างแล้วถ้าหมอแอมมาขอนอนด้วย....แล้วถ้า...แล้ว...แล้ว....อาคิราคิดเตลิดเพ้อเจ้ออยู่คนเดียว
“คิคิ พี่แอมล้อเล่นค่ะ ยังไงก็กลับบ้านดีๆนะ แล้วถ้าถึงบ้านอย่าลืมโทรมาบอกพี่แอมด้วยนะคะ”แอมอมยิ้ม ใจจริงแล้วเธอเองหมายความอย่างที่พูด แต่ดูอาการของคนตัวเล็กแล้วคงจะเร็วไปสำหรับเรื่องนี้ เธอไม่อยากเร่งรัด อยากให้ทั้งตัวเองและอีกคนเข้าใจความรู้สึกของตัวเองให้ดีก่อน
“พี่แอมอะ แกล้งกันอีกแล้วนะ” เมื่อคุณหมอคนสวยบอกว่าเป็นเรื่องล้อกันเล่น เธอก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาแต่ในใจลึกๆกลับรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย กว่าที่ทั้งสองสาวจะล่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยก็ทำเอาศักดิ์ชัยที่นั่งรออยู่ในรถต้องบีบแตรเรียกเพื่อนซี้ถึง 2หน อาคิราจึงยอมปลีกตัวแยกจากหมอแอมมาได้
“น้องอาย เดียวค่ะ” แอมรั้งแขนเล็กๆของอีกคนไว้
“คะ?”
“ลืมอะไรรึเปล่าเอ่ย” หมอแอมอมยิ้มถาม
“เอ.....กระเป๋า....หนังสือ ชีท อืมก็ครบนี่นา” อายเลิกคิ้วสงสัย เธอเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยแล้วไม่น่าจะลืมอะไรอีก“ลืมนี่ไงคะ” พูดจบหมอแอมก็รั้งร่างตรงหน้าเข้ามากอดไว้แล้วหอมแก้มใสๆของคนที่ไม่ทันตั้งตัวให้ต้องได้เขินอายหน้าแดงอีกหน
“พี่แอมอ่ะ อย่างงี้ทุกทีเลย....ระวังนะคะ ไว้อายจะเอาคืน” คนตัวเล็กว่างอนๆแล้วจึงเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มพราย
เทศกาลสอบเยือนมาถึงจนได้ นั่นยิ่งทำให้คนตัวเล็กวุ่นยิ่งวายกับชีวิตตัวเองมากกว่าเก่า ไหนจะต้องซ้อมละครเวทีซึ่งขาดไม่ได้ ไหนต้องอ่านตำราเตรียมสอบ ไหนจะรายงานอีกไม่รู้กี่วิชาที่เธอยังทำไม่เสร็จ แต่ละวันของอาคิราก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เกือบสองอาทิตย์แล้วที่เธอไม่ได้เจอหน้าของคุณหมอคนสวย แถมยังวุ่นจนกระทั่งลืมชาตท์แบตโทรศัพท์มือถืออีก การติดต่อระหว่างเธอกับแอมจึงขาดหายไปได้ซักระยะ ทั้งๆที่บางครั้งเมื่อพอมีพักบ้างคนตัวเล็กมักจะนั่งเหม่อ คิดถึงใบหน้าหวานๆของหมอแอม อยากไปหาอยากพูดอยากคุย แต่ตอนนี้ก็คงได้แต่เพียงแค่นึก ตัวเธอมีหน้าที่ของการเป็นนักศึกษาที่ต้องรับผิดชอบและเธอต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด
“นี่หล่อน หล่อน..” ศักดิ์ชัยตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง
“ห่ะ หือว่าไง” อาคิรายิ้มแหย๋ๆเมื่อศักดิ์ชัยส่งสายตาค้อนๆมา
“เหม่ออะไรอีกล่ะ คิดถึงเค้าก็ไปหาสิย่ะ จะมานั่งเหม่ออยู่ทำไมเนี่ย”ศักดิ์ชัยเห็นอาการของเพื่อนก็รู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเดา
“เห้อ...ไปได้ก็ไปแล้วเห็นมั้ยเต็มโต๊ะเนี่ย” อาคิราโบกชีทหนาปึ้กให้ศักดิ์ชัยดูด้วยท่าทางเซ็งๆ
“แล้วแกมาเหม่อคิดถึงเค้าแบบนี้มันทำให้แกอ่านรู้เรื่องเหรอย่ะ ไม่เอาล่ะ พักๆชั้นมึนเฮดจะตายล่ะ หิวด้วย ไปหาอะไรอร่อยๆกินดีกว่าแก” ศักดิ์ชัยฟุบหน้าลงกับกองชีทพร้อมถอนหายใจ
“ยังจะกินอีก จะสอบอยู่ร่อมร่อแล้วนะ” อาคิราติงเพื่อน
“น้า....น้าอายน้า...แกไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อยสิเอาเป็นเค้กร้านป้าแก้ว ดีม่ะ ไม่ไกล รีบกินรีบกลับมาอ่านต่อไง” ศักดิ์ชัยอ้อนเพื่อนตาใสปิ๊ง
“ร้านพี่แก้วเหรอ อืมก็ดี ไม่ได้ไปหาตั้งนานแล้ว ป่านนี้บ่นแย่แล้ว”
“เย้ ป่ะเก็บของๆ” พูดจบศักดิ์ชัยก็รีบเร่งเก็บชีท และตำราทั้งหมดเตรียวตัวไปร้านเค้กที่อยู่ห่างจากมหาลัยไม่มากนัก
“หิวๆ เจ๊แก้วจ๋า....แซมมี่ฮิ้วหิวววว”ศักดิ์ชัยเปิดประตูร้านพร้อมเอ่ยเสียงดังทัก เจ้าของร้านที่กำลังง่วนอยู่หลังเคาเตอร์
“แหม...หายหน้าไปเลยนะ นึกว่าลืมร้านเจ๊ไปซะแล้ว” หญิงร่างท่วมยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกค้าหน้าคุ้นเดินเข้ามาในร้าน “แหม ใครจะลืมล่ะค๊า...คุณเจ๊ละก็”
“พี่แก้ว สวัสดีค่ะ” อคิราที่เดิมตามเข้ามายกมือไหว้เจ้าของร้านน่าเอ็นดูและแน่นอนสายตาของเธอก็เหลือบไปมองโต๊ะที่เคยเป็นที่นั่งประจำของเธอ “น้องอายก็อีกคน หายหน้าหายตาไปเลยนะ นึกว่าลืมพี่แก้วซะแล้ว”
“ไม่ลืมหรอกค่ะ...โถ พี่แก้วก็ แต่ตอนนี้มันยุ่งจริงๆค่ะ ยุ่งสุดๆเลย ไม่เชื่อถามนังศักดิ์ได้”
“ไม่ต้องมาโยนให้ชั้นเลยนะย่ะ” ศักดิ์ชัยมองค้อนแล้วนั่งลงที่โต๊ะที่อยู่ใกล้สุด “น้องอายจะนั่งตรงนี้หรือจะนั่งโต๊ะประจำจ๊ะ”เจ้าของร้านยิ้มกว้างถาม “ตะ..ตรงนี้ก็ได้ค่ะ” อาคิราเหลือบมองโต๊ะที่อยู่มุมร้าน เธอถอนหายใจแล้วนั่งลงตรงข้ามกับเพื่อน “ดีแล้วแก...เรื่องมันแล้วไปแล้ว”ศักดิ์ชัยมองตามพร้อมปลอบทันทีที่เห็นสีหน้าเจื่อนๆของอาคิรา
“อืม...”อายฝืนยิ้ม “ไม่เอาล่ะแก ร่าเริงๆ กินไรกันดี มาๆชั้นเลี้ยง” ศักดิ์ชัยรีบเปลี่ยนเรื่อง คนตัวเล็กยิ้มไม่อยากให้ศักดิ์ชั้ยต้องกลุ้มใจไปกับเรื่องของเธออีก “แน่นะ”อาคิราถามเพื่อน “อะไรย่ะแน่นะ”ศักดิ์ชั้ยถามกลับแล้วเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูที่กำลังดูอยู่
“ก็ที่ว่าจะเลี้ยงน่ะ” อาคิราเหล่ตามอง “ย่ะ”ศักดิ์ชัยตอบแล้วมองค้อนอีกครั้ง “พี่แก้วคะวันนี้อะไรแพงสุด”อาคิรายิ้มแล้วตะโกนถามเจ้าของร้านที่กำลังบริการลูกค้าโต๊ะอื่นอยู่ “แก๊......”ศักดิ์ชัยสะดุ้งหันมาแว้ดใส่เพื่อนรักทันที
“ชั้นล้อเล่นน่า...พี่แก้วค่ะ ของอายเอาโก้โก้เย็นแล้วก็....”ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะสั่งจบดีเจ้าของร้านก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน”มูสลิ้นจี่ใช่มั้ยจ๊ะ” อาคิรายิ้มแป้นที่เจ้าของร้านใส่ใจจำได้ว่าเธอชอบทานอะไร
“โห้ พี่แก้วจำได้ด้วยเหรอค่ะว่าอายชอบทานอะไร”
“จำได้สิค่ะ แหมลูกค้าคนสำคัญนี่คะ” แก้วหัวเราะ “แหมๆแล้วของหนูล่ะเจ๊” ศักดิ์ชัยลองถามดูบ้าง
“จะไปรู้เหรอย่ะ เห็นสั่งแต่ละทีไม่เหมือนกันซักหน” ศักดิ์ชัยหุบยิ้มลงทันทีแล้วมองค้อนเจ้าของร้านตาคว่ำ เรียกเสียงหัวเราะจากอาคิราให้ยิ้มออกได้ทันที
รออยู่ไม่นานนัก แก้วก็นำขนมหน้าตาน่าทานออกมาพร้อมเครื่องดื่ม ขณะที่สองสาวกำลังพูดคุยถึงเรื่องที่ต้องเดินทางไป เก็บตัวฝึกซ้อมละครของจินตนาที่เชียงใหม่ “มาแล้วค๊า” แก้วว่าแล้วเสิฟร์ด้วยความคล่องแคล่ว
“น่าทานจังเลยค่ะ”อาคิราเอ่ยชม เตรียมพร้อมหยิบซ้อมคันเล็กขึ้นมาทันที “ทานให้อร่อยนะคะ”แก้วยิ้มแล้วจึงขอตัวเพื่อไปบริการลูกค้าคนอื่นต่อไป “ชั้นจะเอาชุดอะไรไปดีน้า...กี่ชุดดี...ไม่ได้ล่ะ เด้วต้องไปช็อปเตรียมพร้อมไว้ก่อน” ศักดิ์ชัยดี๊ด๊าตื่นเต้นที่จะไปไปเที่ยวเชียงใหม่
“ตกลงไปทำอะไรกันแน่ หึ” อายขำท่าทางของเพื่อน
“ไปอ่อยผู้ชาย...เอ้ย....ก็ไปเก็บตัวกับพวกแกนะสิย่ะ”
“แกเป็นคอสตูมไม่ใช่เหรอ...จริงๆไม่ต้องไปก็ได้นิ” อาคิราเงยหน้าจากจานขนม เอ่ยแซวเพื่อน
“พูดจาไม่น่าคบเลยนะย่ะ”ศักดิ์ว่าแล้วค้อนใส่เพื่อนอีกตลบ
“โอ๋ๆ....ชั้นล้อเล่น งานนี้ถึงแกไม่อยากไปชั้นก็ต้องลากแกไปอยู่แล้ว” อาคิราโอ๋เพื่อนแล้วถอนหายใจเมื่อนึกถึงหน้าของอาจารย์ประจำภาควิชาของเธอเอง “ย่ะๆ...แน่ล่ะสิ ไม่มีชั้นแกโดนงาบแน่ แม่หนูน้อยเอ๊ยยยย”
ทั้งสองสาวคุยกันไปทานกันไปเรื่อยเปื่อย จนกินเวลาอยู่นาน อาคิราถึงสะกิดให้เพื่อนเตรียมตัวกลับไปมหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมอ่านหนังสือต่อได้แล้ว “พี่แก้วคิดเงินด้วยค่ะ” คนตัวเล็กตะโกนบอกเจ้าของร้านที่กำลังคุยอยู่กับลูกน้องหลังเคาเตอร์
“จ้าๆ”แก้วขานตอบ
“เอ่อ...จริงสิ...น้องอายเจอน้องแพรหรือยังเอ่ย”เจ้าของร้านจู่ๆก็นึกถึงลูกค้าประจำอีกคนที่เคยมาที่ร้านเธอบ่อยๆ
“พี่..พี่แก้วว่าอะไรนะคะ”อาคิราตกใจหันไปมองหน้าเจ้าของร้านทันทีที่ได้ยินชื่อของแพรวา
“น้องแพรไงคะ ที่ สมัยก่อน มากับน้องอายบ่อยๆไง เนี่ย พี่แก้วเพิ่งจะได้เจอเมื่อซัก 2-3วันที่แล้ว”แก้วเอ่ยขณะที่เก็บโต๊ะไปด้วย “ยะ...ยังค่ะ ยังไม่เจอ” ใจของเธอราวกับหล่นหายไป ลมหายใจของเจ้าตัวเริ่มติดขัด หัวใจเต้นรัวเร็วตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก “พูดเป็นเล่นน่าเจ๊..ก้ไหนว่าไปเรียนเมืองนอกไง กลับมาแล้วเหรอ”ศักดิ์ชัยบีบมือเพื่อนเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าซีดๆของอาคิรา “เห็นว่าเพิ่งเรียนจบนะ...เจ๊จะโกหกทำไมล่ะย่ะ เนี่ยน้องแพรยังถามถึงน้องอายอยู่เลย”แก้วว่าแล้วยกถาดใส่ขนมเดินไป
“อาย....อาย.....ยัยอายถึงแล้ว”ศักดิ์ชัยสะกิดเพื่อนรักที่กำลังเหม่อ
“หือ...หืม...โอเคๆได้ยินแล้ว”อาคิราเจื่อยยิ้มแล้วลงจากรถ เดินใจลอยกลับไปที่โต๊ะประจำหน้าคณะ
“ชั้นไม่น่าพาแกไปร้านป้าแก้วเลย”ศักดิ์ชัยรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ยิ่งได้เห็นสีหน้าของเพื่อนด้วยแล้วเจ้าตัวก็รู้สึกสงสารเพื่อนรักขึ้นมาจับใจ “ไม่เป็นไรหรอกศักดิ์ จะช้าจะเร็วซักวันชั้นก็ต้องรู้” อายเจื่อนยิ้มให้เพื่อนรัก
“แกไม่เป็นไรแน่นะ”เขาถามย้ำเพื่อนอีกครั้ง “อืมจริงสิ...แหมแก ก็รู้อยู่ชั้นความจำปลาทอง แล้วนี่ต้องสองปีแล้ว ลืมหมดแล้ว ชิวๆน่า” คนตัวเล็กฝืนหัวเราะทั้งๆที่ภายในใจกลับรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น