“ยังไม่ชินอีกเหรอ”อิงนภาหัวเราะขำ
“ชินแล้ว..เพราะชินไงถึงปลงตก”บรีซบ่น
“ลองโทรถามหน่อยสิ อาจจะยังไม่ตื่นเหมือนคราวก่อนก็ได้นะ”เพื่อนซี้แนะ“ไม่เอาล่ะ..โทรไปก็ไม่ติด ชั้นฝากข้อความไว้แล้ว”บรีซบอกเพื่อนพลางนึกถึงเหตุการครั้งก่อนที่เธอบุกไปตามเจ้านายตัวดีถึงที่ห้อง แต่เมื่อนึกถึง บรีซก็อายหน้าแดงขึ้นมาเสียดื้อๆ
“มาแล้วๆ..”อิงนภาตะโกนบอกเพื่อนหลังจากนั้นเจ้าตัวก็รีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง “กว่าจะเสด็จ”บรีซบ่นพึมพำแล้วหยิบแฟ้มรายงานการประชุมที่จะต้องใช้ยื่นให้เจ้านายที่เพิ่งมาถึง
“คุณ..ประชุมกี่โมง”ณภัทรหยิบแฟ้มที่วางกองอยู่บนโต๊ะขึ้นอ่านแลวเงยหน้าถามเลขาของพี่ชายที่ตอนนี้กลายมาเป็นเลขาของเธอเรียบร้อยแล้ว
“10โมง”บรีซพูดห้วนๆ
“ปวดฟันหรือไง”ณภัทรยิ้มขำเมื่อเห็นหน้ามุ้ยๆของคนตรงข้าม บรีซปราบตามองเจ้านายคนสวยแล้วส่งค้อนงามๆให้แทนคำตอบ
“งั้นก็เตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวรถติด”ณภัทรว่าพลางปิดแฟ้มรายงายที่อ่านอยู่ลง เธอคว้ากระเป๋าถือใบหรูพร้อมแว่นกันแดดยี่ห้อดังขึ้นสวม
“ไปประชุมหรือไปเดินแฟชั่น”บรีซแอบนินทาขณะเดินตามหลังณภัทรที่เดินนำหน้าเธอ
“บรีซๆ”อิงนภาสะกิดเรียกเบาๆ
“อะไร”บรีซขาน
“ชั้นลืมบอกแกไป...ว่าบริษัทที่ต้องไป..”อิงนภาเจื่อนยิ้มไม่รู้ว่าจะบอกเพื่อนดีมั้ย “อะไรของแกยัยอิงมีอะไรก็เร็วๆ ชั้นไม่อยากมีปัญหากับ..”เธอว่าพลางมองเจ้านายคนสวยที่กำลังสั่งงานพนักงานคนอื่นๆอยู่หน้าลิฟท์
“เอ่อ..บริษัท..ที่นนท์ทำงานอยู่น่ะ”อิงนภาบอกเพื่อน
“เหรอ”เธอตอบเพื่อนสั้นๆแล้วยิ้มให้
“แกไม่เป็นไรนะ”อิงนภาถามอีก
“อือ..ชั้นจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ ยังไงนนท์ก็รู้อยู่แล้วว่าชั้นทำงานที่ไหน หลบยังไงซักวันก็ต้องเจอ ไม่เห็นจะเป็นไร”บรีซบอกอิงนภาเบาๆแล้วรีบเดินไปหาณภัทรที่กำลังมองเธออยู่ไปด้วยความรวดเร็ว
“คุณ...ไม่สบายหรือเปล่า”ณภัทรที่สังเกตเห็นความผิดปกติของคนข้างๆเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เปล่า...ชั้นไม่เป็นอะไร”บรีซตอบสั้นๆแล้วมองออกไปนอกรถแทนเธอไม่อยากให้ณภัทรเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเธอ ณภัทรมุ่นหน้าแต่ในเมื่อบรีซบอกเองว่าไม่เป็นอะไรเธอก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ให้มากความ เหลือเพียงแต่ความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนข้างๆกันแน่
ทั้งสองคนเดินทางมาถึงบริษัทที่ต้องคุยธุรกิจก่อนเวลาที่กำหนดเล็กน้อย ณภัทรจึงนั่งอ่านเอกสารที่บรีซเตรียมให้ไปเรื่อยๆ“แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร”เจ้านายคนสวยมุ่นหน้าเมื่อเห็นบรีซดูลุกลี้ลุกลนผิดปกติ
“เปล่าๆ”บรีซปฎิเสธ
“บริษัทใหญ่แบบนี้คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกน่า”บรีซถอนหายใจพลางพยายามปลอบตัวเอง
“คุณภัทรเชิญค่ะ”พนักงานของบริิษัทเชิญณภัทรเมื่อถึงเวลาต้องเจรจาธุรกิจ บรีซลุกขึ้นเดินตามเจ้านายเข้าห้องประชุมเกือบเป็นคนสุดท้าย เธอสอดส่ายสายตามองไปรอบๆแล้วถอนหายใจโล่งอกเพราะไม่เจอคนที่เธอคิดไว้
การประชุมเจรจาธุรกิจทั้งสองบริษัทผ่านไปด้วยดีท่ามกลางเสียงชื่นชมในตัวของณภัทรที่มีฝีไม้ลายมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพี่ชายและพ่อของเธอ ณภัทรเพียงแค่เจื่อนยิ้มให้บุคคลเหล่านั้น มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าการแข่งขันระหว่างบริษัทที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันนั้นมันสูงขนาดไหน คำชมเยิ่นยอสวยหรูแบบนี้เธอชินช้าเสียแล้ว ณภัทรยังคงทักทายและคุยกับผู้ร่วมประชุมคนอื่นๆ เมื่อหันมามองหาเลขาคนสวยของเธอก็ไม่พบเสียแล้ว
“หายไปไหน”ณภัทรมุ่นหน้าแต่ก็ไม่สามารถจะให้ความสนใจได้มากนักเพราะเธอเองยังคงต้องปั้นหน้ายิ้มแล้วคุยธุรกิจต่อไป
“ใช่ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ”พนักงานของบริษัทคู่ค้าบอกเธอพร้อมยิ้มแฟ้มที่เกี่ยวกับโปรดักส์ที่ทั้งสองบริษัทร่วมกันลงทุนส่งให้บรีซ
“ส่วนตัว เทสเตอร์จะส่งไปที่บริษัทภายหลังนะคะ”พนักงานสาวบอก บรีซตรวจเช็คความเรียบร้อยของเอกสารและเตรียมบอกณภัทรว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอโล่งอกที่ไม่เจอนนท์อย่างที่คิดไว้
“เห็นคนที่มากับชั้นมั้ยค่ะ”ณภัทรถามพนักงาน
“คุณบรีซหรือเปล่าคะ รู้สึกจะไปห้องน้ำค่ะ”พนักงานสาวบอกเธอณภัทรพยักหน้าแล้วเดินตามไปที่ห้องน้ำ
“ปล่อย!!”บรีซเบือนหน้าหลบ สิ่งที่เธอคิดนั้นมันผิดถนัด นนท์เห็นเธอตั้งแต่เธอมาถึงที่บริษัทนี้แล้วแต่เขาก็อดทนรอจังหวะเหมาะๆที่จะได้เจอเธอตามลำพัง
“เดี๋ยวสิบรีซฟังนนท์ก่อน”เขาพยายามรั้งตัวเธอไว้
“ปล่อยบรีซเถอะนะนนท์ ขอร้อง”
“บรีซก็ฟังนนท์ก่อนสิ ที่บรีซเห็นวันนั้นน่ะมันเรื่องเข้าใจผิด นนท์กับน้องไม่ได้..ไม่ใช่อย่างที่บรีซเห็นนะ”เขาพยายามอธิบายถึงเรื่องในอดีต “นนท์ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก บรีซไม่อยากฟังเรื่องมันผ่านมาแล้วจบไปแล้ว นนท์อย่ารื้อฟื้นมันขึ้นมาเลยนะ”เธอพยายามจะขอร้องเขา
“ไม่ได้!! นนท์รักบรีซนะ รักมาตลอด ให้โอกาสนนท์อีกครั้งนะบรีซ”เขาพยายามขอร้องอ้อนวอนเธอ “นนท์ทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว พอเถอะนนท์”บรีซมองหน้าเขาเธอรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดาทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหก แต่แล้วทำไมกันภายในใจของเธอกับยังรู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้ยิน
“นนท์ไม่ใช่คนเดิมแล้วนะบรีซ นนท์สัญญานะบรีซนะ”เขาดึงตัวเธอมากอดไว้แน่น บรีซยืนตัวแข็งนิ่ง ทำไมเธอต้องสับสนทำไมยังตัดใจไม่ได้ซักที
“อะ...อึม..ชั้นมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า”บรีซตกใจเธอรีบผละตัวออกจากชายหนุ่มทันที ณภัทรมองคนทั้งคู่ เธอปรายตามองบรีซและมองนนท์ที่ยืนอยู่ข้างๆ “ชั้นจะกลับแล้ว คุยธุระเสร็จหรือยัง”ณภัทรพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเรียบๆ บรีซทำได้แค่เพียงก้มหน้านิ่งและพยายามซ่อนใบหน้าของเธอเท่านั้น
“ผม..เอ่อขอตัวนะครับ”เขามองหน้าเจ้านายของบรีซเกร็งๆแล้วพยายามจะเดินผละไป “เอ่อจริงสิ คุณ..”ณภัทรยิ้มแล้วเรียกเขา
“คะ..ครับ”นนท์ก้มหน้านิ่งเพราะเขารู้ดีว่าคนที่เป็นเจ้านายของบรีซนั้นเป็นใคร“ทีหลังจะทำอะไรก็ดูเวลาหน่อยนะ ยังอยู่ในเวลางานแบบนี้ ชั้นว่าเจ้านายคุณคงจะไม่ปลื้มเท่าไรที่เห็นพนักงานเอาเวลางานมาใช้กับเรื่องส่วนตัว” เธอพูดกับเขาแต่กลับมองไปที่บรีซแทน
“ขะ...ขอโทษครับ”นนท์รีบบอกเธอก่อนจะรีบเดินผละไป
“คุณ..มาตั้งแต่เมื่อไร”บรีซรีบถามเจ้านายคนสวย เธอไม่รู้ว่าณภัทรได้ยินอะไรมากน้อยเพียงไหน ณภัทรไม่ตอบเพียงแค่มองหน้าของบรีซด้วยสีหน้าที่บรีซเองก็ไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
“วางใจเถอะเรื่องส่วนตัวของคุณไม่เกี่ยวกับงานของบริษัท”สายตาของณภัทรที่มองมาที่เธอราวกับเจ็บปวดทั้งๆที่เจ้าตัวเองบอกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอไม่เกี่ยวกับณภัทร
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ...”บรีซพยายามจะอธิบายให้ณภภัทรเข้าใจ
“คุณไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก ชั้นบอกแล้วไงว่าเรื่องส่วนตัวของคุณ เพียงแค่อย่าใช้เวลางานกับเรื่องส่วนตัวอีกก็แล้วกัน”ณภัทรบอกเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย บรีซทำอะไรไม่ถูกได้แต่เดินตามณภัทรกลับไปที่รถเท่านั้น บรรยากาศดูจะตึงเครียดขึ้นไปอีก ณภัทรไท่พูดอะไรกับเธออีกกระทั่งกลับถึงบริษัท
“ตอนบ่ายชั้นมีธุระ คุณช่วยจัดการแทนด้วย”เจ้านายคนสวยสั่งเธอ ไม่เหลือแววยียวนกวนโมโหเธอเหมือนทุกครั้ง ณภัทรยื่นแฟ้มเอกสารที่เธอเซ็นรับรองส่งให้บรีซแล้วออกจากห้องไป
น่าแปลกที่บรีซกลับรู้สึกใจหายที่ณภัทรเฉยชาใส่เธอทั้งๆที่เธอสมควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่ณภัทรเลือกวุ่นวายเลิกหาเรื่องเธอ แล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เธอไม่อยากให้ณภัทรเข้าใจผิดเรื่องของเธอกับนนท์ แต่เพราะอะไรล่ะ ทำไมเธอต้องสนใจความรู้สึกของณภัทรด้วย
“บรีซ บอสไปไหนอะ”อิงนภาที่เห็นณภัทรเดินออกจากห้องไปรีบเข้ามาถามเธอ “ไม่รู้สิบอกว่ามีธุระ”เธอบอกเพื่อนแล้วพยายามจะไม่สนใจความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านของตัวเอง บรีซนั่งทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆแม้ว่าจะไม่ค่อยมีสมาธิเพราะมัวแต่ชะเง้อมองออกไปนอกห้องหวังว่าเจ้านายคนสวยจะกลับกลับมา แต่จนถึงเวลาเลิกงานเธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของณภัทร
“บรีซจะกลับยัง”อิงนภาที่จัดการงานของตัวเองเรียบร้อยและเตรียมตัวจะกลับแล้วชะโงกหน้าเข้ามาถามเธอในห้อง
“แกกลับก่อนเถอะ ขอชั้นเคลียร์งานอีกเดี๋ยว”บรีซเจื่อนยิ้มบอกเพื่อนแล้วก้มหน้าทำงานต่อไป กว่าจะเสร็จก็กินเวลานานอยู่ไม่น้อย กว่าที่เธอจะกลับถึงที่พักก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว บรีซหยุดยืนมองประตูห้องของณภัทรไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเธอต้องมายืนจ้องประตูห้องข้างๆ แถมในใจยังแอบหวังเล็กๆว่าเจ้าของห้องอาจจะบังเอิญเปิดประตูออกมาพอดีก็เป็นได้
“เฮ้อ...ทำบ้าอะไรอยู่นะชั้น”เธอนึกตำหนิตัวเองแล้วถอนหายใจเฮือกใจก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ห้องของตัวเอง ถึงแม้กลับเข้ามาภายในห้องของตัวเองแล้ว เจ้าตัวก็ยังพะว้าพะวงถึงสาวข้างห้อง บรีซแสร้งทำเป็นออกมายืนรับลมที่ระเบียงห้องแต่เจ้าตัวแทบจะจ้องทะลุกระจกห้องข้างๆอยู่แล้ว
เธอเอาแต่จ้องมองมันว่าเมื่อไรไฟในห้องจะสว่างขึ้นมา จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่เห็นแสงไฟจากห้องข้างๆ
“บ้าไปแล้วบรีซ แกบ้าไปแล้ว”บรีซถอนหายใจตำหนิตัวเอง เธอเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ที่ระเบียงเมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ราวกับสิ่งที่เธอหวังไว้มันจะได้ผล แสงไฟสว่างขึ้นมาจากห้องของณภัทร เจ้าตัวแทบจะกระโดดข้ามระเบียง(ถ้าทำได้) ใจของเธอเต้นแรงเพียงแค่รู้ว่าสาวข้างห้องกลับมาแล้ว บรีซก้มตัวลงต่ำกลายร่างเป็นพวกถ้ำมองโดยไม่รู้ตัว
“ใคร?”บรีซมุ่นหน้าถึงแม้จะเห็นเพียงแค่เงาที่เคลื่อนไหวเธอก้รู้ว่าณภัทรไม่ได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง และถ้าเธอมองไม่ผิดเงาอีกเงานั้นน่าจะเป็นเงาของผู้ชาย บรีซใจเต้นแรงพลางนึกว่าใครกันที่อยู่ในห้องกับ ณภัทร
“เจ๊!!! ทำไร”เจ้าบริ๊งที่เพิ่งกลับมา เห็นพี่สาวด่อมๆมองๆห้องข้างๆอยู่ที่ระเบียงเจ้าตัวจึงตะโกนเรียก
“ไอ้บ้า!! ตกใจหมด”บรีซสะดุ้งสุดตัวเธอตกใจ มองหน้าน้องสาวที่ยืนฉีกยิ้มแป้นอยู่ข้างๆ
“เจ๊ทำไรอะแอบมองใครเหรอ”บริ๊งรีบถาม
“เบาๆ”บรีซลืมตัวไปว่าห้องเธอและณภัทรนั้นห่างกันไม่กี่คืบ ถ้าณภัทรเกิดได้ยินขึ้นมาต้องคิดว่าเธอเป็นพวกถ้ำมองแน่ๆ(?)เจ้าตัวจึงรีบฉุดมือน้องสาวให้ก้มต่ำเหมือนเธอ
“ลึกลับจริง มาทำอะไรตรงนี้”เจ้าบริ๊งกระซิบถาม
“อ๋อ...”บริ๊งมองตามพี่สาว
“อ๋ออะไร”บรีซมุ่นหน้ามองน้องสาวที่ทำหน้ากวนประสาทใส่เธอ
“แอบถ้ำมองนี่เอง”เจ้าบริ๊งว่า บรีซเบ้หน้าและ..“ป๊อก”เสียงเล็กๆที่ทำให้บริ๊งเบ้หน้ากุมศีรษะตัวเอง
“ใครอะเจ๊”เจ้าบริ๊งถามเมื่อเห็นเงาอีกเงาหนึ่งเช่นเดียวกับบรีซ
“ไม่รู้ ถ้ารู้จะทำงี้เหรอ”บรีซชักรำคาญน้องสาว เธอยังสนใจห้องข้างๆ อยากรู้ว่าใครกันนะที่อยู่ในห้องของณภัทร
“แฟนพี่ภัทรมั้ง”บริ๊งเริ่มเบื่อ เจ้าตัวยืดตัวยืนขึ้นเพราะเริ่มเมื่อยขาเต็มทน
“ไม่ใช่มั้ง”ทั้งๆที่ยังไม่รู้แต่บรีซกลับไม่อยากให้เป็นอย่างที่น้องว่า
“เจ๊...พี่ภัทรทั้งสวยทั้งเก่ง ถ้าจะมีแฟนก็ไม่เห็นแปลก..เข้าห้องเหอะ”บริ๊ง มองหน้าพี่สาวเซ็งๆแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง
บรีซมุ่นหน้าคิดตามที่น้องบอก จริงอย่างที่บริ๊งว่า คนอย่างณภัทรถ้าจะมีแฟนมันแปลกตรงไหน เธอเสียอีกที่คิดอะไรพิลึก บรีซถอนหายใจแอบมองเงาของคนทั้งสองในห้องของณภัทรอีกครั้งแล้วลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้อง
“ทำไมพักนี้เจ๊สนใจพี่ภัทรจัง ทีเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นงี้”น้องสาวช่างสงสัยถามและมันก็เป็นคำถามที่ทำให้เธอได้ฉุกคิดอะไรบ้างอย่างขึ้นมา
“นั่นสินะ”บรีซเจื่อนยิ้มเหมือนกำลังคิดอะไรบ้างอย่างเธอยิ้มให้น้องแล้วเดินกลับห้องไปเงียบๆ
“เอ้า..เจ๊ อะไรของเค๊า”บริ๊งคิ้วขมวดบางครั้งพี่สาวของเธอก็ดูเข้าใจยากจนเธอเองยังงง
“ค่าๆ”บริ๊งที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เธอกำลังจะปิดไฟเตรียมตัวนอนเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “พี่ภัทร”บริ๊งยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่มาดึกๆดื่นๆของสาวสวยห้องข้างๆที่เธอและพี่สาวพึ่งจะแอบถ้ำมองมาหยกๆนั่นเอง
“ของฝาก”ณภัทรยิ้มแล้วยื่นถุงขนมแปลกๆให้เธอ
“อะไรเหรอคะ”บริ๊งรีบถามต่อ
“มาการอง เพื่อนพี่ซื้อมาฝากจากฝรั่งเศษเชียวนะ อร่อยนะ”ณภัทรบอกสาวน้อยข้างห้องที่ดูสนใจขนมมากกว่าจะมองหน้าเธอเสียแล้ว
“ว้าวๆของแพง อิอิ ขอบคุณค่ะ”บริ๊งยกมือไหว้ณภัทร
“งั้นผมกลับก่อนนะภัทร”เสียงนุ่มๆของชายหนุ่มเจ้าของเงาปริศนาปรากฎตัว พร้อมยิ้มให้บริ๊ง
“สวัสดีค่ะ”บริ๊งตะลึง เพราะนอกจากเสียงจะเพราะแล้วหน้าตาของเข้าเข้าขั้นเป็นพระเอกหนังฮอลี่วู้ดได้สบายๆ
“นี่ไงคะ น้องบริ๊งที่ภัทรเล่าให้ฟัง”ณภัทรแนะนำให้บริ๊งรู้จักกับเขา
“นี่ดันเต้ เพื่อนพี่เอง”
“สวัสดีครับ”เขายิ้ม ทักทายเธอ
“พูดไทยชัดจัง”บริ๊งแปลกใจพึมพำเบาๆเพราะจากหน้าตาของชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คนเอเชียแน่ๆ
ชายหนุ่มหัวเราะขำตาหยี “ผมโตที่นี่ครับ”เขาบอกบริ๊งที่ยังตีหน้ามึนอยู่ บริ๊งพยักหน้า หลังจากนั้นณภัทรก็ขอตัวไปส่งเพื่อนด้านหลัง ส่วนเจ้าตัวแสบก็ได้ลาปปากเป็นขนมหรูถุงใหญ่หิ้วเข้าห้องสบายใจไป
เช้าวันถัดมาบรีซเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพที่ไม่ค่อยโสภาเท่าไรนักเธอทำหน้าเซ็งๆแล้วนั่งลงที่โต๊ะ“ตื่นแล้วเย้ยเจ๊”เจ้าตัวดีที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จกำลังจะไปมหาวิทยาลัยทัก “อือ ..ตื่นเช้าจังนะวันนี้”บรีซแปลกใจ
“จะรีบไปง้อฝ้าย”เจ้าตัวแแสบว่า
“ยังไม่ดีกันอีกเหรอ”บรีซแปลกใจ
“เกือบๆล่ะ”พูดจบบริ๊งก็รีบแจ้นออกจากห้องไป ทิ้งพี่สาวหน้าบูดไว้เพียงลำพัง บรีซถอนหายใจ ภาพเงาของชายหนุ่มที่เธอได้เห็นในห้องของณภัทรเมื่อคืนยังทำให้เธอไม่สบายใจ “คิดบ้าอะไรอยู่ ไปยุ่งอะไร เรื่องของเค้า”บรีซสะบัดหน้าแรงๆแล้วตัดสินใจแต่งตัวเตรียมไปทำงาน
“หวัดดีครับพี่บรีซ”หนุ่มน้อยประจำบริษัททักเธอแจ่เจ้าตัวกลับเพียงแค่ยิ้มเจื่อนๆให้เท่านั้น จนเฟียวเองยังแปลกใจว่าเกิดอะไรกับบรีซ
“อย่าถาม”อิงนภายกมือห้ามเพราะเธอก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อน รู้เพียงแต่บรีซทำหน้าซังกะตายตั้งแต่มาถึงที่บริษัท
“บรีซ วันนี้บอสจะเข้าบริษัทกี่โมง”อิงนภาชะโงกหน้าเข้ามาถามเหมือนเช่นทุกครั้ง “ไม่รู้”บรีซตอบเนื่อยๆแล้วก็ถอนหายใจ
“ถามจริงแกเป็นอะไร”เพื่อนซี้ทนไม่ไหวในที่สุด อิงนภานั่งลงข้างๆเพื่อนพลางถาม “เปล่าไม่มีอะไร แค่เบื่อๆ”บรีซตอบแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงาน
“จะไม่มีอะไรได้ไง แกรู้ตัวมั้ยว่าทำตัวยังกะซอมบี้ตั้งแต่เช้าแล้ว มีอะไรบอกมาน่า”อิงนภากระแซะถามเพื่อน
“บอกว่าไม่มีอะไร ก็เชื่อชั้นหน่อยเถอะ”บรีซหลับตาพลางนึกอยากจะลาพักร้อนให้รู้แล้วรู้รอดเธอเบื่อเต็มทีไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัวหรือปัญหาที่ทำงาน
“เรื่องนนท์หรือเปล่า”อิงนภาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานบรีซไปประชุมพร้อมณภัทรที่บริษัทที่นนท์ทำงานอยู่
“เฮ้อ....อือ”บรีซพยักหน้า
“กะแล้วเชียว แล้วมันว่าอะไรบ้าง”อิงนภาซักต่อ
“ก็เรื่องเดิมๆ”
“ขอคืนดีอีกล่ะสิ”อิงนภาเสริมแล้วตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“อือ..”บรีซตอบสั้นๆ
“แกนี่ก็ใจแข็งใจย่อยนะ ตื้อซะขนาดนั้นยังไม่ยอมใจอ่อน”อิงนภายิ้มขำแล้วปล่อยให้เพื่อนได้พักตามที่ต้องการ
“เรื่องนนท์น่ะไม่เท่าไรหรอก แต่คนบางคนสิไม่ยอมฟังอะไรเลย”บรีซเปรยเบาๆเพราะนึกว่าเพื่อนยังนั่งอยู่ข้างๆเธอ
“คุณว่าใครไม่ยอมฟังอะไร”แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่เสียงของอิงนภากลับเป็นเสียงของเจ้านายของเธอแทนเสียนี่
“คุณ...”บรีซสะดุ้งรีบเงยหน้าขึ้นมองณภัทรที่ยืนมองเธออยู่หน้าประตู
“หือ..ชั้นถามว่าคุณหมายถึงใคร”ณภัทรถามย้ำแล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง “ปะ..เปล่า”บรีซหน้าเจื่อน นึกโมโหเพื่อนที่จะไปก็ไมยอมบอกเธอก่อน
ณภัทรมองจ้องหน้าบรีซอยู่ซักพักเมื่อเจ้าตัวหลบสายตาไม่ยอมตอบเธอก็ไม่คาดคั้นอะไรอีก “เช้านี้ชั้นมีงานเร่งอะไรหรือเปล่า”เธอถามบรีซ
“มะ..ไม่มีค่ะ”บรีซถอนหายใจโล่งอกที่ณภัทรไม่ซักต่อ
“อืม โอเค”ณภัทรบอกเธอแล้วเดินออกจากห้องไป
“แล้วคุณจะไปไหน..”บรีซลุกขึ้นวิ่งถามณภัทรออกจากห้องไป
“ไปค่ะ”ณภัทรยิ้มให้ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ด้านนอก เจ้าตัวคนที่สิ่งตามมาถึงหยุดมองคนทั้งคู่อยู่ห่างๆ “ใครอ่า...หล่อชะมัด”อิงนภารีบลุกจากโต๊ะตัวเองเดินมาถามเพื่อน บรีซส่ายหน้าแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่คนทั้งคู่ เจ้านายคนสวยเกี่ยวแขนเขาแล้วเดินออกจากบริษัทไปด้วยกัน
“ชะ..ชั้นกลับไปทำงานต่อก่อนนะ”เธอบอกอิงนภาเบาๆแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง “สนใจทำไม เรื่องของเขา”บรีซพึมพำบอกกับตัวเอง เธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยถาพของณภัทรที่เกี่ยวแขนชายหนุ่มที่เธอเองคิดว่าคงจะเป็นคนเดียวกันกับที่มาหาณภัทรเมื่อคืน ยังทำให้เจ้าตัวกระวนกระวายใจ
“เหม่ออะไรบรีซ ก๋วยเตี๋ยวอืดหมดแล้ว”อิงนภาแซวเพราะเห็นเพื่อนเอาแต่นั่งเขี่ยก๋วยเตี๋ยวในชามแต่ไม่ยอมทานซักที “ไม่ค่อยหิวน่ะ”เธอยิ้มเจื่อนๆบอกเพื่อนแล้วลุกจากโต๊ะไป
“ท่าจะอาการหนัก”อิงนภาเปรยแล้วคีบลูกชิ้นในชามของเพื่อนมาใช่ชามตัวเอง
บ่ายวันนั้นแม้จะรู้ว่าณภัทรคงจะไม่กลับเข้ามาในบริษัทแล้วก็ตามที แต่บรีซก็ยังแอบชะโชกหน้ามองออกไปนอกห้องบ่อยๆ เธอยิ้มขำสมเพชตัวเองที่เอาแต่พะว้าพะวงนึกถึงแต่ณภัทรและไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร หรืออาจเป็นเพราะสิ่งที่ณภัทรเคยๆทำกับเธอ แกล้งกวนประสาทเธอไม่เว้นแต่ละวันนั้นมันหายไปทำให้เธอรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างในชีวิตไปก็เป็นได้ บรีซพยายามนึกหาเหตุผลที่เข้าท่าว่าทำไมเธอถึงต้องเป็นห่วงเป็นกังวลเรื่องณภัทรนัก
“มะ..ไม่มีค่ะ”บรีซถอนหายใจโล่งอกที่ณภัทรไม่ซักต่อ
“อืม โอเค”ณภัทรบอกเธอแล้วเดินออกจากห้องไป
“แล้วคุณจะไปไหน..”บรีซลุกขึ้นวิ่งถามณภัทรออกจากห้องไป
“ไปค่ะ”ณภัทรยิ้มให้ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ด้านนอก เจ้าตัวคนที่สิ่งตามมาถึงหยุดมองคนทั้งคู่อยู่ห่างๆ “ใครอ่า...หล่อชะมัด”อิงนภารีบลุกจากโต๊ะตัวเองเดินมาถามเพื่อน บรีซส่ายหน้าแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่คนทั้งคู่ เจ้านายคนสวยเกี่ยวแขนเขาแล้วเดินออกจากบริษัทไปด้วยกัน
“ชะ..ชั้นกลับไปทำงานต่อก่อนนะ”เธอบอกอิงนภาเบาๆแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง “สนใจทำไม เรื่องของเขา”บรีซพึมพำบอกกับตัวเอง เธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยถาพของณภัทรที่เกี่ยวแขนชายหนุ่มที่เธอเองคิดว่าคงจะเป็นคนเดียวกันกับที่มาหาณภัทรเมื่อคืน ยังทำให้เจ้าตัวกระวนกระวายใจ
“เหม่ออะไรบรีซ ก๋วยเตี๋ยวอืดหมดแล้ว”อิงนภาแซวเพราะเห็นเพื่อนเอาแต่นั่งเขี่ยก๋วยเตี๋ยวในชามแต่ไม่ยอมทานซักที “ไม่ค่อยหิวน่ะ”เธอยิ้มเจื่อนๆบอกเพื่อนแล้วลุกจากโต๊ะไป
“ท่าจะอาการหนัก”อิงนภาเปรยแล้วคีบลูกชิ้นในชามของเพื่อนมาใช่ชามตัวเอง
บ่ายวันนั้นแม้จะรู้ว่าณภัทรคงจะไม่กลับเข้ามาในบริษัทแล้วก็ตามที แต่บรีซก็ยังแอบชะโชกหน้ามองออกไปนอกห้องบ่อยๆ เธอยิ้มขำสมเพชตัวเองที่เอาแต่พะว้าพะวงนึกถึงแต่ณภัทรและไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร หรืออาจเป็นเพราะสิ่งที่ณภัทรเคยๆทำกับเธอ แกล้งกวนประสาทเธอไม่เว้นแต่ละวันนั้นมันหายไปทำให้เธอรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างในชีวิตไปก็เป็นได้ บรีซพยายามนึกหาเหตุผลที่เข้าท่าว่าทำไมเธอถึงต้องเป็นห่วงเป็นกังวลเรื่องณภัทรนัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น