When Devil falling in love 02


“เฟิร์น” เสียงๆนี้ไม่ได้ยินมานานแค่ไหนแล้วนะ แล้วทำไมพี่มายด์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เรียนที่นี่อย่างนั้นเหรอ นึกว่าไปเรียนต่อที่อังกฤษซะอีก ชั้นมัวแต่นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นจนลืมไปว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
“คิดถึงจัง” เฮ้ย..อะไรของเค้า อยู่ๆคนที่ชั้นไม่คิดว่าจะได้เจออีกแล้วในชีวิตก็โผเข้ามากอดชั้นแน่น แน่นเสียจนชั้นหายใจแทบไม่ออก ความรู้สึกแบบนี้ กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่ที่ลอยมาแตะจมูกทำให้ชั้นนึกหวนคิดไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
 “ดะ...เดี๋ยวๆ” ชั้นรีบผลักตัวเองออก ยังคงอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันไวเสียจนเกือบจะเตรียมตัวไม่ทัน “ดีใจจัง พี่ไม่คิดว่าจะได้เจอเฟิร์นที่นี่” เธอยิ้ม รอยยิ้มที่ทำให้ชั้นแทบละลายทุกครั้งที่ได้เห็นมัน

 “ละ..แล้วพี่มายด์ มาทำอะไรที่นี่...เอ่อ เฟิร์นหมายถึงพี่เรียนที่นี่เหรอคะ เฟิร์นนึกว่าพี่อยู่อังกฤษเสียอีก” ชั้นถอยห่างทิ้งระยะออกมา แม้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้จะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ชั้นคิดถึงมาตลอดก็ตามที

“ค่ะ พี่เรียนที่นี้ พี่ไม่ได้ไปไหนหรอก เพราะหัวใจพี่อยู่ที่นี่” อะ..เอาแล้วไง แล้วทำไมต้องมองชั้นแบบนั้น ชั้นถอยห่างออกมาอีก นี่พี่มายด์คิดจะทำอะไรกันแน่ ตัวเองเป็นคนบอกเองแท้ๆว่าอยากไปเรียนที่อื่น ไปให้ไกลจากชั้น แต่พอได้เจอกันอีกกลับมาพูดแบบนี้
 “หะ..เหรอคะ ละ..แล้วพี่มายด์เป็นยังไงบ้าง คงสบายดีนะ”
ชั้นพยายามยิ้ม แต่รู้มั้ยว่าในใจของชั้นนั้นตอนนี้มันรู้สึกอะไรอยู่ ..ไม่รู้หรอก เพราะชั้นเองก็ยังบอกไม่ได้เลยว่ารู้สึกอะไร ดีใจ ตื่นเต้น เสียใจ หรือเจ็บปวด ชั้นก็บอกไม่ได้

 “ดีค่ะ จะไม่ดีก็แค่..ไม่เจอเฟิร์นอีกตั้งแต่วันนั้น” สีหน้าของพี่มายด์ดูเศร้าลงเมื่อพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีทางหรอก คนที่ทิ้งชั้นไปก่อนก็คือพี่มายด์ คนที่ทำให้ชั้นต้องทุกข์ทรมานใจมาตลอดหลายปีก็คือผู้หญิงใจร้ายที่กำลังยิ้มให้ชั้นอยู่ตอนนี้

“เฟิร์นก็แค่ย้ายบ้าน ย้ายที่เรียน ไม่เจอกันอีกก็ไม่เห็นแปลก อีกอย่างเราก็แค่คนรู้จักกัน พี่ไม่เห็นจะต้องใส่ใจอะไร”ชั้นกล้าพูดแบบนั้นออกไปได้อย่างไง นึกแล้วก็อยากจะตบปากตัวเอง แต่อีกใจก็สมแล้วไม่ใช่เหรอ ก็ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้หรอกเรอะที่ทำให้ชั้นเป็นแบบนี้

 “แค่คนรู้จัก..ทำไมเฟิร์นพูดแบบนี้ล่ะ เฟิร์นก็รู้ว่า เราเป็นมากกว่านั้น” มายด์ขยับเข้าใกล้
“ใจแข็งเข้าไว้ไอ้เฟิร์น อย่าใจอ่อนเชียวนะ” ชั้นกัดฟันนึก
 “เอ่อ..ช่างเถอะค่ะ ว่าแต่เฟิร์นต้องทำอะไรบ้าง” ชั้นพยายามจะไม่มองคนตรงหน้าแม้จะรู้ดีว่าพี่มายด์พยายามจะมองชั้นเพียงไหนก็ตามที

“ทำไมเฟิร์นต้องหลบตาพี่”
“ปะ..เปล๊า ซักหน่อย”ชั้นโกหก จะทำยังไงได้ล่ะขืนมองหน้าพี่มายด์ไปตอนนี้ ชั้นต้องใจอ่อนแน่ๆ ไม่มีทางต้องใจแข็งเข้าไว้ จำไว้ๆ
 “โอเคๆค่ะ ไม่หลบก็ไม่หลบ”พี่มายด์อมยิ้ม นั่นยิ่งทำให้ชั้นรู้ว่า ไม่ว่าชั้นจะทำอะไรก็ตาม ผู้หญิงคนนี้มักจะรู้อยู่เสมอว่าชั้นคิดอะไรอยู่
  “งั้น..เรามาเริ่มกันเลยนะ”พี่มายด์ว่า แล้วเริ่มสอนชั้นถึงสิ่งที่ควรจะทำ ชั้นหมายถึงท่าทางการยืนการเต้น การนับจังหวะ บลาๆ ที่คนจะเป็นรีดเค้าทำกันล่ะนะ
 “อืม...เกือบโอเคแล้วค่ะ แต่ ตรงนี้ต้อง...”ใจชั้นเริ่มสั่นอีกหนเมื่อพี่มายด์ขยับเข้ามาใกล้แล้วเริ่มจัดท่าทางการยืนและท่าทางของชั้น แล้วก็ยิ้มอีกเป็นครั้งที่สอง

 “ขอบคุณค่ะ”ชั้นตอบเกร็งๆ
 “ไม่เป็นไรค่ะ” อย่ายิ้มแบบนั้นได้มั้ย ชั้นนึก
“เฟิร์นนี่ยังเก่ง หัวไวเหมือนเดิมเลยนะ”พี่มายด์ชม แล้วยกมือเหมือนจะลูบผม แต่ชั้นก็ถอยออกห่างก่อนที่มันจะเกิดขึ้น

“เฟิร์น”พี่มายด์เจื่อนยิ้มด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“ขอบคุณที่ช่วยสอนเฟิร์นค่ะ” ชั้นยิ้มตอบ แม้จะรู้สึกผิดอยู่บ้างที่พยายามทำตัวห่างเหินจากพี่มายด์ แต่ชั้นคิดว่ามันน่าจะดีกว่าที่ชั้นจะยอมปล่อยให้หัวใจของชั้นทำตามที่มันต้องการ

“มายด์” หือ..เสียงใครคุ้นๆ ให้ตายสิวันนี้มันวันร่วมญาติกันหรือไง เมื่อชั้นและพี่มายด์หันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน นึกว่าใครที่ไหน ชั้นเจื่อนยิ้ม เมื่อรู้ว่าใครกำลังเดินเข้ามาหา
 “ไอ้บอมบ์” ชั้นนึกในใจพาลนึกไปถึงเรื่องในอดีตแค่คิดก็หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

 “เสร็จหรือยังครับ” เฮอะ...รอยยิ้มจอมปลอมแบบนี้ ยังเหมือนเดิมเลยนะ
 “เกือบแล้วล่ะ บอมบ์จำน้องเฟิร์นได้มั้ย” มายด์แนะนำ
“หือ...หน้าคุ้นๆ เฟิร์น...เฟิร์น อ้อ ไอ้แสบห้อง3ใช่มั้ย โห้ เป็นสาวแล้วนะเรา” แล้วจะให้โตเป็นหนุ่มหรือไงย่ะ ชั้นนึกในใจพลางมองค้อนมัน  ก็น่าอยู่หรอกนะหน้าตาออกจะใสดูซื่อใครจะรู้ความจริงว่าจริงๆแล้วเบื้องหน้ากับเบื้องหลังมันคนละเรื่องเดียวกันเลย

 “ไม่ทักไม่ทายกันหน่อยเหรอ หรือว่าจำพี่ไม่ได้”ยังมีหน้ามาถาม อย่างแกน่ะเหรอไม่ลืมไปจนวันตายหรอก

 “สวัสดีค่ะ”ชั้นทักมันอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก ก็แน่ละสิ ไม่ใช่เพราะมันเหรอที่ทำให้พี่มายด์เกือบตาย แถมชั้นยังเกือบถูกไล่ออกจาก รร นึกถึงเรื่องเก่าๆแล้วอยากจะตันท์หน้ามันซักหมัดสองหมัดให้หายแค้น

"งั้นบอมบ์ปล่อยให้สาวๆทำธุระไปนะ บอมบ์ไปนั่งรอตรงนั้นนะ มายด์” อือหือยังทำตัวเป็นเจ้าของเจ้าของคนอื่นไม่เปลี่ยนเลยนะนิสัย

 “จ๊ะ” พี่มายด์ส่งยิ้มให้มัน เหมือนทุกที “รีบๆเข้าล่ะเฟิร์น พี่จะพาแฟนไปกินข้าว” แฟนเหรอ นั่นน่ะสินะ ก็เห็นตามตื้อจีบเค้ามาตั้งแต่ ม 4 ตื้อมาราธอนแบบนี้ ก็คงไม่แปลกหรอกมั้งที่พี่มายด์จะใจอ่อน ชั้นแอบคิดพร้อมแอบมองหน้าพี่มายด์

“ บอมบ์อย่าพูดแบบนี้สิ เดียวคนอื่นเข้าใจผิด” มายด์รีบอธิบาย
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ให้คนอื่นคิดแบบนั้นก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับมายด์ไง” เฮอะ ไปหวานที่อื่นได้ม่ะ หมั่นไส้แย่ล่ะ ชั้นสุดจะทนไอ้อาการน้ำเน่าออกนอกหน้าของไอ้บอมบ์เต็มที่ เลยเลี่ยงเดินออกมาหลบอยู่ข้างๆต้นไม้แถวนั้นแทน ก็ไม่รู้ว่าพี่มายด์คุยอะไรกับมันอีก รู้แต่เห็นมันเดินคอตกจ๋อยๆออกไปนั่งรอตามที่มันบอกแต่แรก

 “เฟิร์น อย่าไปถือบอมบ์เลยนะ เค้าก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ทำไมพี่มายด์ต้องแก้ตัวแทนมันด้วย คงจะหลงคารมมันเข้าจริงๆแล้วน่ะสิ เฮอะ เอาเถอะยังไงชั้นก็ไม่ได้อยากจะสนใจเรื่องของพี่มายด์อีกแล้ว

“เฟิร์นไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว พี่มายด์ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องของพี่กับพี่บอมบ์ เฟิร์นไม่เกี่ยว” ชั้นตอบอ่อมแอ้ม แล้วรีบเก็บของลงกระเป๋าเตรียมตัวจะไปให้พ้นจากที่ตรงนี้เสียที
 “ทำไมจะไม่เกี่ยว เฟิร์นไม่เคยคิดถึงเรื่องของเราบ้างเหรอ” คำพูดของชั้นคงจะไปสะกิดต่อมอารมณ์ของพี่มายด์เข้าละม่าง เจ้าตัวถึงเริ่มเสียงแข็งและเป็นครั้งแรกที่พี่มายด์รั้งแขนชั้นไว้ไม่ให้ไปไหน

 “มันไม่มีคำว่าเราตั้งแต่แรกแล้วละค่ะ พี่อย่ารื้อมันขึ้นมาเลย เฟิร์นว่าพี่กลับไปสนใจคนของพี่ดีกว่านะ ดูท่าจะรอไม่ไหวแล้ว” ชั้นเพยิดหน้าให้พี่มายด์มองตาม ไอ้บอมบ์ที่คงจะทนนั่งรอต่อไปไม่ไหวกำลังเดินเข้ามาหา

 “เฟิร์น ขอตัวนะคะ แล้วก็ขอบคุณพี่มายด์มากๆ ที่ช่วยซ้อมท่าเต้นพวกนี้ให้เฟิร์น แต่เฟิร์นคงจะไม่ได้เป็นรีดจริงๆหรอก เพราะมันไม่เหมาะกับคนอย่างเฟิร์น “ชั้นแกะมือของพี่มายด์ที่ยังจับชั้นอยู่ออกแล้วรีบหันหลังเดินจากมา
 แปลกเนอะคนเราทั้งๆที่ปากบอกว่าไม่แต่ใจกลับคิดอีกอย่าง ทั้งๆบอกว่าไม่แคร์กลับยิ่งแคร์เค้ามากกว่าใคร

 และทั้งที่บอกตัวเองอยู่ทุกวันว่าจะไม่ยอมเจ็บปวดแบบนี้อีก แต่ตอนนี้มันกลับเจ็บแทบปางตาย..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น